เปิดประชุมนัดแรก “ศบ.ทก.” บูรณาการรับมือสถานการณ์ชายแดน

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) พร้อมผู้บริหารระดับสูงจาก สมช., กระทรวงมหาดไทย, สำนักนายกฯ และหน่วยงานความมั่นคง แถลงผลการประชุมศูนย์ฯ นัดแรก โดยระบุว่าเป็นเวทีรับทราบรายชื่อผู้แทนจากแต่ละหน่วยงาน และยืนยันความร่วมมือในระดับนโยบาย

เป้าหมายของการประชุม คือการรวบรวมข้อมูล บูรณาการแนวทาง และตัดสินใจประเด็นสำคัญทันต่อสถานการณ์เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาอย่างทันท่วงที

ตั้งเวลาประชุมประจำ-สื่อสารสาธารณะชัดเจน

ศบ.ทก. กำหนดประชุมประจำทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 09.30 น. ยกเว้นวันอังคารที่ประชุมช่วง 13.00 น. และจัดถ่ายทอดสดผลการประชุมผ่านช่อง NBT  ในเวลา 12.00 น. หรือ 14.00 น. เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง วันหยุดจะมีการสแตนบายด์พร้อมประชุมออนไลน์หากจำเป็นในเวลา 09.30 น.โดยเน้นว่าทุกฝ่ายเป็น “ทีมไทยแลนด์” ที่หารือร่วมกัน ไม่ใช่ระบบสั่งการจากเบื้องบน

ชี้ปัญหาสื่อสารกับกัมพูชาสร้างความสับสน

พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือความหลากหลายของข้อมูลข่าวสารทั้งสองฝั่ง ทำให้ประชาชนสับสน เช่น กรณีข่าว "ปิดด่าน" ที่แท้เป็นเพียง "การปรับเวลา" จึงจำเป็นต้องมีช่องทางการสื่อสารที่ชัดเจนและเป็นทางการ “เราไม่โทษสื่อมวลชน แต่เป็นหน้าที่ทีมไทยแลนด์ ที่จะทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากแหล่งเดียว” พล.อ.ณัฐพลกล่าว

ยังไม่หารือเรื่องกาสิโน – เน้นปลอดภัยประชาชนหากเสียงปืนแตก

แม้จะมีรายงานว่ากาสิโนฝั่งกัมพูชาขาดรายได้จากการห้ามคนไทยเข้าไปทำงานและเล่นพนัน พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่า ยังไม่มีการประสานอย่างเป็นทางการมาในประเด็นนี้

ทางฝ่ายไทยไม่ได้ถือประเด็นกาสิโนเป็นหลัก หากแต่ห่วงว่าการมีอาวุธอยู่ใกล้แนวชายแดนอาจเสี่ยงต่อเหตุรุนแรง และประชาชนอาจได้รับผลกระทบ จึงต้องมีมาตรการควบคุมเวลาเปิด-ปิดด่าน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน

ไม่ตอบโต้กรณี “กัมพูชาตัดน้ำ-ไฟ” พร้อมยึดหลักไม่กระทบประชาชน

สำหรับกรณีที่มีรายงานว่ากัมพูชาตัดน้ำตัดไฟในบางพื้นที่ พล.อ.ณัฐพล ย้ำว่า ไทยจะไม่ดำเนินมาตรการโต้ตอบในลักษณะ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” โดยรัฐบาลไม่มีคำสั่งให้ตัดน้ำตัดไฟในพื้นที่ชายแดน เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับผลกระทบ

เสนอจัดเวทีเสวนาร่วมภาควิชาการ

พล.อ.ณัฐพล เสนอให้สมาคมสื่อเปิดเวทีเสวนาระหว่างรัฐ นักวิชาการ และสื่อมวลชน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน เพราะข้อมูลจากบางฝ่ายอาจส่งผลต่อความเข้าใจของประชาชน และกระทบต่อการทำงานของรัฐ โดยย้ำว่าการวิพากษ์วิจารณ์ยังเป็นสิ่งที่ทำได้ในสังคมเสรี

อำนาจหน้าที่ของ ศบ.ทก.

1.ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด

2.เสนอแนะมาตรการจำเป็นต่อ สมช., นายกรัฐมนตรี หรือ ครม.

3.บูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

4.แต่งตั้งคณะทำงานหรือเจ้าหน้าที่สนับสนุนภารกิจ

5.รายงานผลการดำเนินงานต่อรัฐบาลเป็นระยะ

6.ดำเนินการอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย

ทั้งนี้ การดำเนินการต้องคำนึงถึงการเคารพอธิปไตย บูรณภาพของทั้งสองประเทศ และไม่เปิดช่องให้ประเทศที่สามเข้ามาแทรกแซง โดยเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ผู้อำนวยการศูนย์จะรายงานต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อยกเลิกคำสั่งจัดตั้ง ศบ.ทก.