รีเซต

KWM ชู “PEGASUS” โตแรงสวนตลาด 40%

KWM ชู “PEGASUS” โตแรงสวนตลาด 40%
ทันหุ้น
18 พฤศจิกายน 2568 ( 00:40 )

                นายอุกฤษณ์ วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับการเกษตร เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า สถานการณ์ภาคการเกษตรช่วงปลายปี 2568 ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากดีมานด์โดยรวมในตลาดลดลงจากปีก่อน ขณะที่เกษตรกรจำนวนมากยังเลือกชะลอการลงทุนระยะยาว เพราะไม่มั่นใจในทิศทางราคาพืชผล และกังวลต่อการแข่งขันที่สูงขึ้นในหลายตลาด

                โดยเฉพาะ “ข้าว” ซึ่งเป็นพืชหลักของเกษตรกรไทยกว่า 40% ยังคงอยู่ในสภาวะไม่แน่นอนจากการแข่งขันในตลาดโลก โดยประเทศคู่แข่งอย่างอินเดียและเวียดนามสามารถตั้งราคาขายข้าวได้ต่ำกว่า ส่งผลต่อราคาภายในประเทศ ขณะที่พืชไร่อย่างข้าวโพดเริ่มทรงตัว ส่วนอ้อยอยู่ระหว่างช่วงโรงงานเคาะราคาในเดือนธันวาคม และมันสำปะหลังเผชิญภาวะราคาดิ่งแรงจากกว่า 4 บาท เหลือเพียงราว 1 บาทกว่า

                แม้ตลาดรวมจะซบเซา แต่ KWM ยังสามารถรักษายอดขายโดยรวมให้ใกล้เคียงเดิมได้ โดยมี “ใบจักร PEGASUS” เป็นหัวหอกหลักของการเติบโต สำหรับยอดขายของผลิตภัณฑ์นี้เติบโตแรงกว่า 30-40% เนื่องจากตอบโจทย์นโยบายภาครัฐเรื่อง “การไม่เผา” ในภาคเกษตร โดยเทคโนโลยีของใบจักรสามารถช่วยเกษตรกรสับเศษวัสดุแทนการเผา ลดมลภาวะ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้จริง ทั้งนี้ใบจักร PEGASUS เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ KWM รายเดียวในตลาด ทำให้มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีและคุณภาพ โดยเกษตรกรนิยมเปลี่ยนเฉพาะใบมีดแทนการซื้อเครื่องจักรใหม่ ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนได้มาก

                สำหรับในไตรมาส 3/2568 บริษัทและบริษัทย่อยมี รายได้จากการขายและการให้บริการ 57.11 ล้านบาท ลดลง 46 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.61 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 3.68 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ ร้อยละ 6.44 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 7.78 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น ร้อยละ 67.89

สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 304.5 ล้านบาท ลดลง 93.95 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.58 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุจากปัจจัยเดียวกันกับไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม กลุ่มสินค้าใบเกลียวและใบมีดตีดิน (Rotary) ยังคงเติบโตจากปีก่อนได้เล็กน้อย ขณะที่กำไรสุทธิ 32.63 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ ร้อยละ 10.72 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 10.42 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 24.20

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง