รีเซต

พบภาวะแทรกซ้อน โควิดใหม่ ทำผู้ป่วยสูงอายุ 'แข็งตัว' นาน 3 ชม.ไม่มีล้ม

พบภาวะแทรกซ้อน โควิดใหม่ ทำผู้ป่วยสูงอายุ 'แข็งตัว' นาน 3 ชม.ไม่มีล้ม
ข่าวสด
9 มีนาคม 2564 ( 16:00 )
117

ภาวะแทรกซ้อนสุดหายาก จากการติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ผู้ป่วยสูงอายุเพศชายเกิดการแข็งตัว จนส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างหนัก จนต้องสูบเลือดออก

 

ผู้ป่วยโควิด-19 ที่โชคร้ายรายหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา จะต้องเผชิญกับประสบการณ์สุดเจ็บปวดเมื่ออวัยวะเพศของเขาเกิดการแข็งตัวนานผิดปกติ จนสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ด้านทีมแพทย์เชื่อว่าการติดเชื้อโควิด-19 นั้นส่งผลให้เลือดจับตัวเป็นก้อนภายในอวัยวะเพศของเขา ตามการศึกษาใหม่เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของโควิด-19

 

 

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2563 ที่ผ่านมา ชายวัย 69 ปี ที่เป็นโรคอ้วนได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลไมอามีวัลเลย์ ในรัฐโอไฮโอ จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งชายคนดังกล่าวมีอาการหายใจไม่ออกและปอดอักเสบ เนื่องจากมีของเหลวสะสมภายในปอด ทางบุคลากรทางการแพทย์จึงให้ยาระงับประสาท ก่อนจะต่อเครื่องช่วยหายใจแต่อาการของเขากลับแย่ลงไปเรื่อย ๆ

หลังจากผ่านไป 10 วัน ปอดของเขาก็เริ่มล้มเหลว ทำให้ทีมแพทย์จะต้องใช้เทคนิคให้เขานอนคว่ำหน้าลง เพื่อให้ออกซิเจนไหลเวียนเข้าสู่ปอดได้มากขึ้น จนกระทั่งผ่านไป 12 ชั่วโมงทีมแพทย์ก็พลิกตัวเขาขึ้นมานอนตามปกติ ก่อนจะพบว่าอวัยวะเพศของผู้ป่วยรายนี้เกิดอาการ 'แข็งตัว' อย่างเต็มที่ตลอด 3 ชั่วโมง ทำให้แพทย์ตัดสินใจใช้เข็มเจาะเข้าไปและนำเลือดในอวัยวะเพศออก เพื่อลดการแข็งตัว แต่สุดท้ายชายสูงอายุรายนี้ก็ได้จากไปอย่างสงบในห้องไอซียู เนื่องจากปอดของเขาไม่ฟื้นตัว

 

 

ด้านผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้เปิดเผยว่า การแข็งตัวดังกล่าวเกิดขึ้นจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า "พายุไซโตไคน์" ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนของโควิด-19 ซึ่งจะทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เกิดจับก้อนง่ายและอุดหลอดเลือดที่อวัยวะต่าง ๆ ทำให้อวัยวะหลายอย่างทำงานล้มเหลว

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อโควิด-19 เพราะในเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมานั้น ก็ได้มีคนไข้วัย 62 ปีรายหนึ่งในฝรั่งเศสได้ติดเชื้อไวรัสโครานาด้วยเช่นกัน และเขาได้มีภาวะแทรกซ้อนทำให้อวัยวะเพศของเขาแข็งตัวนานกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งทีมแพทย์ก็ได้เลือกใช้วิธีสูบเลือดออกจากอวัยวะเพศเช่นเดียวกัน ทั้งที่ผู้ป่วยรายนี้ไม่มีประวัติการเลืดอุดตันมาก่อน

 

ที่มา : nypost

ข่าวที่เกี่ยวข้อง