จับตา 'หุ้น AOT' วันนี้ หลังต่างชาติถล่มขายหุ้น ไม่พอใจปรับแผน ไม่ผ่านมติผู้ถือหุ้น
มูลค่าหุ้น “เอโอที” วูบเกือบ 8 หมื่นล้านบาทใน 3 วัน พิษราคาหุ้นดิ่งหนัก 10% หลังบริษัทอนุมัติแผนช่วยเหลือ “คิง เพาเวอร์” นักวิเคราะห์ประเมินกระทบผลประกอบการบริษัทกว่า 1.3 แสนล้านบาท พร้อมหั่นเป้าลงเหลือ 45 บาท ขณะ ‘เอ็นวีดีอาร์’ ถล่มขาย 6.5 ล้านหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลค่าหุ้นของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ในช่วง 3 ทำการที่ผ่านมาลดลงไปเกือบ 8 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากการที่ราคาหุ้นของบริษัทลดลงจากราคาปิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 54.50 บาท มาอยู่ที่ 49.75 บาท ในวานนี้(3ส.ค.) หรือลดลงราว 8.7% ภายหลังจากที่คณะกรรมการบริหารของ AOT อนุมัติการเปลี่ยนวิธีการเก็บเงินการันตีขั้นต่ำจาก บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการดิวตี้ ฟรี ภายในสนามบินของ AOT
โดยวิธีการเก็บเงินที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ จะอิงจากจำนวนผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงที่จำนวนผู้โดยสารยังต่ำกว่าประมาณการจำนวนผู้โดยสารที่ KPD ประเมินไว้ตอนเข้าร่วมประมูล นอกจากนี้จากการระบาดของโควิด-19 บริษัท KPD และบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) จึงไม่สามารถติดต่อพันธมิตรการค้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการเริ่มเปิดให้บริการ
ดังนั้น AOT จึงขยายเวลาในการพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ของดิวตี้ฟรี ตามที่ได้กำหนดไว้ในเฟส 1 ของสัญญา ตั้งแต่ 28 ก.ย. 2563 – 31 มี.ค. 2565
ภายหลังจากเผยแพร่การอนุมัติแผนดังกล่าว พบว่าการซื้อขายสุทธิผ่านเอ็นวีดีอาร์ (NVDR) ระหว่างวันที่ 30 – 31 ก.ค. ที่ผ่านมาเป็นขายสุทธิต่อเนื่องรวมกัน 6.5 ล้านหุ้น อย่างไรก็ตาม หากพิจารณายอดสุทธิตลอดทั้งเดือน ก.ค. 2563 ผ่านเอ็นวีดีอาร์ ยังคงเป็นการซื้อสุทธิอยู่ 9.2 ล้านหุ้น
ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า จากการสอบถามความเห็นของนักลงทุนต่างชาติบางราย มองว่าการตัดสินใจของบริษัทในครั้งนี้ไม่ดีนัก เพราะไม่ตรงไปตรงมาตามสัญญา และด้วยแรงกดดันจากการท่องเที่ยว ที่มีการประเมินกันว่าจำนวนนักท่องเที่ยว จะกลับสู่ระดับปกติอาจต้องรอถึงปี 2565 หรือปี 2567 จึงยิ่งเป็นแรงกดดันต่อราคาหุ้น AOT
“การตัดสินใจที่เกิดขึ้นยิ่งเป็นประเด็นกดดันต่อหุ้น AOT มากขึ้นพอสมควร จากการที่บริษัทเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เช่ามากขนาดนี้ อย่างไรก็ตามหากมองในระยะยาว เมื่อราคาหุ้นลดลงมาถึงราคาเป้าหมาย หรือต่ำกว่าราคาเป้าหมายใหม่นี้ นักวิเคราะห์อาจมีการปรับคำแนะนำการลงทุนได้”
ทั้งนี้ เราไม่เห็นด้วยกับการที่ AOT ตัดสินใจให้ส่วนลดเงินการันตีขั้นต่ำ โดยไม่เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เนื่องจากเราคาดว่าผลกระทบต่อ AOT จากการออกส่วนลดครั้งนี้ จะอยู่ที่ 1-1.5 แสนล้านบาท ขณะที่เราคาดว่า AOT น่าจะหาวิธีที่ดีกว่านี้ เพื่อชดเชยให้กับทาง คิง เพาเวอร์ จากผลกระทบจากโควิด-19
อย่างไรก็ตาม การยืดเวลาในการพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ ไม่ได้ส่งกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประมาณการของเรา เนื่องจากบริษัทได้มีการผ่อนปรนไม่เก็บเงินการันตีขั้นต่ำ ในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่แล้ว แต่การเปลี่ยนวิธีคำนวณเงินการันตีขั้นต่ ำจะฉุดให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลดลง 5.3% จึงปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ขาย