บุกรวบคารีสอร์ท หนุ่มอ้างเป็นตร. เนียนเปิดห้อง สั่งอาหาร-เหล้าไวน์เต็มที่ ค้างจ่ายเป็นหมื่น
บุกรวบคารีสอร์ท หนุ่มอ้างเป็นตำรวจ ยศนายพัน เนียนเปิดห้อง สั่งอาหาร-เหล้าไวน์เต็มที่ ค้างจ่าย 1.4 หมื่นบาท สารภาพอยากเป็นตำรวจ
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2564 ที่กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ภัทรพันธ์ พูลทวี สว.กก.4 บก.ป.นำกำลังร่วมกันจับกุมนายไพรวัลย์ หรืออ้วน โกมลสิงห์ อายุ 36 ปี ตามหมายจับของศาลล้มละลายกลาง ที่ 1754/2563 ข้อหาจงใจขัดขืนหมายเรียกของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฯ ได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่รับแจ้งว่า มีบุคคลแต่งกายคล้ายตำรวจ อ้างตัวว่าชื่อ “รองอุ้ย” มาเปิดห้องพักที่รีสอร์ทดังกล่าวอยู่นานเกือบ 2 สัปดาห์ ตลอดเวลาเข้าพักก็ยังสั่งอาหารแบะเหล้าไวน์มาดื่มกินอย่างเต็มที่ บางวันก็มีเพื่อนมานั่งดื่มกินด้วย แต่มีข้อพิรุธหลายอย่างคือไม่สามารถบอกต้นสังกัดของตนเองได้ ไม่มีบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจมาแสดงให้ดู จึงขอให้มาตรวจสอบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าตรวจสอบ พบผู้ต้องหาลักษณะตรงตามที่รับแจ้งคือตัดผมสั้นเกรียน ใส่เสื้อกั๊กสีดำคล้ายกับเป็นตำรวจ ยืนอยู่ในร้านกาแฟของรีสอร์ท จึงแสดงตัวขอตรวจค้น เบื้องต้นนายไพรวัลย์ ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ตนมีอาชีพเป็นเกษตรกร ไม่ได้เป็นตำรวจ จากนั้นนำตัวไปตรวจค้นห้องพักและรถเก๋งฮอนด้า ทะเบียน ขล 1319 เชียงใหม่ ยังพบเครื่องแบบตำรวจประดับยศพันตำรวจตรี, เครื่องแบบควบคุมฝูงชน บช.ภ.5, กระเป๋าถือปักตราสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ, หมวกตำรวจ, วิทยุสื่อสาร และอุปกรณ์ต่างๆ รวม 11 รายการ
สอบสวนนายไพรวัลย์ ให้การรับสารภาพว่า เครื่องแบบและอุปกรณ์ต่างๆ นั้นเป็นของตนจริง เพราะใช้แต่งประจำ เนื่องจากชอบและอยากเป็นตำรวจ โดยมักแอบอ้างตัวเป็นรองอุ้ย สังกัด บช.ภ 5 เพื่อให้ผู้อื่นเกรงใจ โดยอ้างกับพนักงานรีสอร์ทว่าเป็นตำรวจ มาขอเปิดห้องพักพร้อมสั่งอาหารเครื่องดื่มมากินทุกวัน ซึ่งได้จ่ายค่าบริการไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังมียอดค้างจ่ายอีกประมาณ 14,000 บาท ตนยังไม่มีจ่ายก็เลยขอติดไว้ก่อน ไม่คิดว่าจะถูกแจ้งจับกุม ส่วนหมายจับของศาลล้มละลายกลางนั้น เป็นหมายจับคดีเช่าซื้อบ้านเมื่อปี 54 เพราะถูกธนาคารฟ้อง
เจ้าหน้าที่ส่งตัวผู้ต้องหาให้ สภ.แม่วาง ดำเนินคดีต่อไปข้อหา “แต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ, กระทำการใดๆ อันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเป็นตำรวจ, สวมเครื่องแบบโดยไม่มีสิทธิ, มีและใช้เครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยมิได้รับอนุญาต