ย้อนสถิติ 7 วันอันตราย ช่วงสงกรานต์ ให้ตัวเลขเตือนใจ ก่อนออกเดินทาง

TNN รวบรวมสถิติ 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ 5 ปีย้อนหลัง พบผู้เสียชีวิตรวมกว่า 1,500 ราย สาเหตุหลักคือขับรถเร็ว เมาแล้วขับ เตือนคนไทยขับขี่ปลอดภัยช่วงสงกรานต์
7 วันอันตรายสงกรานต์ ช่วงเวลาเสี่ยงที่สุดบนท้องถนน
เทศกาลสงกรานต์ในทุกปี เป็นทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นที่สุดของคนไทยบนท้องถนน เพราะ “7 วันอันตราย” ซึ่งหมายถึงช่วงรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระหว่างวันที่ 11–17 เมษายน มักเป็นช่วงที่มีตัวเลขอุบัติเหตุ เสียชีวิต และบาดเจ็บสูงที่สุดของปี แม้จะมีมาตรการเข้มข้นทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน แต่สถิติตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ยังสะท้อนความจริงที่น่าตกใจว่า ความสูญเสียไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
สถิติสงกรานต์ 6 ปี (2563–2567) ตัวเลขไม่เคยโกหก
จากการรวบรวมโดย TNN ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.), ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.), และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ในช่วง พ.ศ. 2563–2567 เกิดอุบัติเหตุทางถนนช่วงสงกรานต์รวมกันกว่า 9,800 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,273 ราย และผู้บาดเจ็บสะสมมากกว่า 11,700 คน โดยยังไม่รวมตัวเลขของปี 2568 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเก็บรวบรวม
ปีไหนพุ่ง ปีไหนลด ความเปลี่ยนแปลงที่ยังไม่น่าชื่นใจ
ปีที่สถานการณ์โควิด-19 รุนแรงอย่างในปี 2563 แม้จะมีการงดจัดงานและควบคุมการเดินทางเข้มงวด แต่ยังมีผู้เสียชีวิตถึง 167 ราย จากอุบัติเหตุ 1,307 ครั้ง แสดงให้เห็นว่า แม้ปริมาณรถจะลดลง ความเสี่ยงยังคงอยู่ หากประชาชนไม่ระมัดระวัง ปีต่อมา (2564) สถานการณ์แย่ลงอย่างชัดเจน อุบัติเหตุพุ่งเป็น 2,365 ครั้ง ผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 277 ราย และบาดเจ็บ 2,357 คน
ในปี 2565 แม้ตัวเลขอุบัติเหตุลดลงเหลือ 1,917 ครั้ง แต่ผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มเป็น 278 ราย ชี้ว่าความรุนแรงของอุบัติเหตุสูงขึ้น ส่วนปี 2566 มีอุบัติเหตุ 2,203 ครั้ง เสียชีวิต 264 ราย และบาดเจ็บ 2,208 คน ถือเป็นปีที่สถานการณ์เริ่มทรงตัว
ล่าสุดในปี 2567 ตัวเลขกลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยมีอุบัติเหตุ 2,044 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 287 ราย และบาดเจ็บ 2,060 คน นับเป็นยอดผู้เสียชีวิตช่วงสงกรานต์สูงที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา จังหวัดที่น่าจับตามองคือ เชียงราย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด (17 ราย) รองลงมาคือ นครศรีธรรมราช และ แพร่ ที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูง
ขับเร็ว เมาแล้วขับ สาเหตุซ้ำซากที่ฆ่าคนซ้ำปีแล้วปีเล่า
สาเหตุหลักของอุบัติเหตุยังคงเหมือนเดิมตลอดทุกปี ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด, ดื่มแล้วขับ, ไม่สวมหมวกนิรภัย, และ ตัดหน้ากระชั้นชิด โดยในปี 2566 ข้อมูลจาก ศปถ. ระบุว่า ขับรถเร็วคิดเป็นร้อยละ 45.36 ของสาเหตุทั้งหมด รองลงมาคือเมาแล้วขับ (ร้อยละ 27.23) และตัดหน้ากระชั้นชิด (ร้อยละ 17.63) ที่น่ากังวลคือ รถจักรยานยนต์เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุถึง 80.10% ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และในช่วงกลางคืน
อย่ารอให้เกิดก่อนจึงจะระวัง เตือนใจผู้ใช้ถนน
แม้หน่วยงานรัฐจะตั้งด่านตรวจนับพันจุดทั่วประเทศ จัดกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด แต่สถิติเหล่านี้สะท้อนว่า ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ “พฤติกรรมของผู้ขับขี่” มากกว่าการบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว การหยุดวงจร 7 วันอันตราย จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐเท่านั้น แต่อยู่ที่ความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนบนท้องถนน
สงกรานต์ 2568 ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ยังมีความหวังว่าตัวเลขจะลดลง หากทุกฝ่ายร่วมมือกันจริงจัง การไม่ประมาท งดดื่มก่อนขับ พักผ่อนให้เพียงพอ และสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง คือวิธีง่าย ๆ ที่สามารถช่วยชีวิตได้