รีเซต

“หมอยง”ชี้ โควิด-19 ยังไม่มียารักษาเฉพาะ ชวนคนหายป่วย 14 วัน บริจาค “พลาสมา” ช่วยผู้ติดเชื้อรายใหม่

“หมอยง”ชี้ โควิด-19  ยังไม่มียารักษาเฉพาะ ชวนคนหายป่วย 14 วัน บริจาค “พลาสมา” ช่วยผู้ติดเชื้อรายใหม่
มติชน
18 เมษายน 2563 ( 09:54 )
134
“หมอยง”ชี้ โควิด-19  ยังไม่มียารักษาเฉพาะ ชวนคนหายป่วย 14 วัน บริจาค “พลาสมา” ช่วยผู้ติดเชื้อรายใหม่

“หมอยง”ชี้ โควิด-19 ยังไม่มียารักษาเฉพาะ ชวนคนหายป่วย 14 วัน  บริจาค “พลาสมา” ช่วยผู้ติดเชื้อรายใหม่

โควิด-19 ยังไม่มียารักษาเฉพาะ วันที่ 18 เมษายน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เชิญชวนให้ผู้ป่วยโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ที่หายป่วยแล้วเป็นเวลา 14 วัน ร่วมบริจาคพลาสมาเพื่อนำไปรักษาผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มียารักษาโรคดังกล่าวโดยตรง

ทั้งนี้ข้อความระบุว่า

“โควิด 19 การใช้พลาสม่าผู้ที่หายจากโรค มารักษา โควิด 19 เป็นโรคใหม่ที่เกิดจากไวรัส จึงไม่มียารักษาจำเพาะ มีการยืมยารักษามาลาเรีย รักษา HIV และไข้หวัดใหญ่ มาใช้ โดยใช้หลักการทางทฤษฎี จึงยังไม่มียา ที่เป็นยาจำเพาะในการรักษามีการใช้ Remdesivir ที่เป็นยาพัฒนาใหม่อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย และมีข่าวออกมาว่าการรักษาได้ผลดี ทำให้หุ้นขึ้น อย่างไรก็ตามยานี้อยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัย อย่างเป็นระบบในหลายๆประเทศยังไม่มีการขึ้นทะเบียนให้ใช้ในประเทศใด เพราะเป็นยาใหม่ ต้องให้เข้าเส้นเลือด และใช้ระยะเวลารักษา 10 วัน คงต้องรออีกสักระยะหนึ่งหลายประเทศทั่วโลก มีการใช้ Plasma ผู้หายจากโรค เป็นยาที่ได้จากธรรมชาติมีการรายงานผลการศึกษา ในวารสารทางวิชาการมากขึ้นเรื่อยๆเตรียมการผลิต โดยธนาคารเลือด ที่มีขั้นตอนตามระบบความปลอดภัยของการให้เลือด และพลาสมาในยามปกติอยู่แล้ว พลาสม่าผู้ที่หายจากโรคแล้วจะมีภูมิต้านทานที่จะใช้ ต้านไวรัสได้

ขณะนี้อยากจะเชิญชวน ให้ผู้ที่หายจากโรคแล้ว อย่างน้อย 14 วัน ต้องการจะช่วยเพื่อนที่ป่วย ลงทะเบียนที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติทางออนไลน์ เพื่อที่ทางศูนย์จะนัดแนะ มาตรวจกรอง ว่าไม่มีเชื้อ โควิด 19 ทั้งในทางเดินหายใจและในโลหิต รวมทั้งตรวจระดับของภูมิต้านทานในโลหิต แล้วจึงนัดแนะให้มาบริจาค Plasma เพื่อเก็บเอาไว้ พร้อมที่จะ นำไปรักษาผู้ป่วย

ผู้ป่วยที่จะใช้ได้จะต้องมีการเปรียบเทียบกลุ่มเลือด ตามกฎเกณฑ์ผู้ที่จะบริจาคจะต้องมีน้ำหนักตัวมากกว่า 50 กิโลกรัม อายุระหว่าง 17 ถึง 65 ปี ท่านที่หายจากโรคแล้วจะได้มีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนของท่านที่กำลังป่วยอยู่ คนไทยเราจะไม่ทิ้งกัน”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง