รีเซต

VGIปักธงรายได้โต30% อัตราใช้สื่อพุ่ง-ซื้อกิจการ

VGIปักธงรายได้โต30% อัตราใช้สื่อพุ่ง-ซื้อกิจการ
ทันหุ้น
13 มิถุนายน 2566 ( 11:55 )
77

VGI วางเป้าปี 2566/2567 รายได้รวมเติบโต 20-30% แตะระดับ 6-6.5 พันล้านบาท คาดรักษามาร์จิ้นเหนือ 10% พร้อมวางเป้าอัตราการใช้สื่อเพิ่มเป็น 55-60% อัดงบลงทุน 1.15 พันล้านบาท เสริมแกร่งธุรกิจ เล็งลงทุนซื้อกิจการต่อยอด

 

นางจิตเกษม  หมู่มิ่ง ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการเงิน บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เปิดเผยว่า ในปี 2566/2567 (เม.ย.66-มี.ค.67) บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20-30% แตะระดับ 6,000-6,500 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 5,774.48 ล้านบาท และมีเป้าหมายที่จะรักษรระดับอัตรากำไรสุทธิ (มาร์จิ้น) ไว้ที่ไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่ -8.10%

 

หนุนหลักจากกลุ่ม Advertising (การโฆษณา) ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างกำไรหลักให้กับ VGI ซึ่งนอกจากอัตราการใช้ (Utilization Rate) ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วง 55-60% แล้ว ขณะที่จำนวนราคาต่อหน่วย (Unit Price) เพิ่มขึ้น จากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการลดราคาให้กับลูกค้าจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในปีบัญชี 2566/2567 จะมีการให้ส่วนลดที่น้อยลง และคาดว่าโดยทั่วไปของจำนวนราคาต่อหน่วยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ด้วย จากการที่ Utilization Rate และราคาต่อหน่วยที่จะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าจะทำให้อัตรากําไรสุทธิของกลุ่ม Advertising เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 30-40%

 

*ดันบริษัทย่อยเข้าตลาด

ส่วน Digital Services จะขับเคลื่อนโดย RCare เป็นอินชัวรันส์ โบรกเกอร์ที่ยังคงเติบโตได้ตามแผน และในอนาคตคาดว่าน่าจะมีโอกาสเข้า IPO ซึ่งจะทำให้ VGI ได้ประโยชน์จากการเพิ่มมูลค่านี้ด้วย และ RCash เป็น Digital  Lending (สินเชื่อดิจิทัล) ซึ่งปีก่อนเป็นปีที่เพิ่งเริ่มต้น ขณะที่ในปีนี้จะเป็นปีที่บุกอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ในกลุ่มของ Distribution จะมีการควบคุมประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจากการเรียนรู้ถึงข้อผิดพลาดในช่วงที่ผ่านมา

 

ส่วนงบประมาณการลงทุนในปี 2566/2567 บริษัทวางเป้าหมายไว้ที่ประมาณ 1,150 ล้านบาท โดบแบ่งออกเป็นค่าใช้จ่ายการลงทุนสำหรับกลุ่ม VGI (Advertising) จำนวน 300 ล้านบาท, รองรับในการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจแรบบิท ทั้ง Rabbit Cash, Rabbit LINE Pay และ Rabbit Care (Digital Service) จำนวน 350 ล้านบาท และเทอร์เทิล (TURTLE) ซึ่งเป็นธุรกิจผู้ให้บริการค้าปลีกบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (Disdtribution) จำนวน 500 ล้านบาท

 

*ลงทุนซื้อกิจการต่อยอด

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเปิดโอกาสกว้างในการศึกษาการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในรูปแบบของการควบรวมกิจการ (M&A) การร่วมทุน (JV) เพื่อสร้าง Synergy ใหม่ๆ ให้กับ Eco-System อยู่ตลอด โดยเฉพาะในธุรกิจสื่อโฆษณา และธุรกิจตัวแทน (Distribution) เพื่อสร้างฐานธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าอะไร เนื่องจาก Eco-System ที่มีค่อนข้างครบแล้วจากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา และในปีนี้ก็เป็นปีของการเก็บเกี่ยวผลผลิต

 

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปี 2566 คาดว่าจะฟื้นตัวที่ 3.6% จากปีก่อนที่โต 2.6% ปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคของภาคเอกชน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มสูง การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมในภาคการท่องเที่ยว ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงมีความไม่แน่นอน จากความกดดันของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาคครัวเรือนในไทย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง