รีเซต

"อินเดีย" กลับลำ ยอมเลิกซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังส่งออกไปสหรัฐฯ กระทบหนัก ติดลบ 21%

"อินเดีย" กลับลำ ยอมเลิกซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังส่งออกไปสหรัฐฯ กระทบหนัก ติดลบ 21%
TNN ช่อง16
16 ตุลาคม 2568 ( 15:02 )
12

"ภาษีทรัมป์" กระทบส่งออก อินเดียไปสหรัฐฯ ติดลบ 21% วูบ 5 พันล้านดอลลาร์


สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า การโจมตีด้านภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่ออินเดีย ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสูงสุดถึง ระดับ 50% ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของอินเดียไปยังสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยยอดการส่งออกจากอินเดียไปยังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงถึง 20.7% จากเดือนก่อนหน้า มูลค่ากว่า 5.44 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเดือนเต็มเดือนแรกที่มีการบังคับใช้ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เนื่องจากมาตรการภาษีนี้ทำให้สินค้าอินเดียในสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ซื้อชาวอเมริกันต้องขอส่วนลด และไปกระทบต่อผลกำไรของซัพพลายเออร์ชาวอินเดีย


แต่อย่างไรก็ตามแม้จะมีความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐ แต่ภาพรวมการส่งออกสินค้าของอินเดียกลับเพิ่มขึ้น 3.64% จากเดือนก่อน โดยมีมูลค่ารวม 36.38 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 11.26% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน เป็น 6.85 หมื่นดอลลาร์ นั่นหมายความว่าการขาดดุลการค้าสินค้าของอินเดียได้ขยายตัวขึ้น 21.36% ไปอยู่ที่ 32.15 พันล้านดอลลาร์


ดังนั้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯบริษัทอินเดียกำลังมองหาตลาดใหม่ ๆ รวมถึงตลาดในตะวันออกกลางและยุโรป 


ปราญจูล พันฑารี (Pranjul Bhandari) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อินเดียของ HSBC ได้กล่าวว่า คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้นในเดือนกันยายน ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์นอกสหรัฐอาจเข้ามาช่วยชดเชยการลดลงของอุปสงค์จากสหรัฐฯ 


ทั้งนี้ประเทศอินเดียถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 50% หลังจากที่สหรัฐฯไม่พอใจกรณีการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ อ้างว่า การซื้อน้ำมันดังกล่าวเป็นการ เติมเชื้อเพลิงให้แก่เครื่องจักรสงครามในยูเครน


ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอินเดีย ที่เผชิญกับความตึงเครียดมากขึ้น ทั้งจากประเด็นการค้าและประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อินเดียปฏิเสธที่จะลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และไม่ยอมเปิดตลาดภาคการเกษตรและผลิตภัณฑ์นมให้แก่สินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้การเจรจาการค้าไม่คืบหน้า อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีสัญญาณที่ดีขึ้น เมื่อเดือนที่แล้วคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ นำโดยคุณเบรนแดน ลินช์ ได้เดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่การค้าอินเดีย นำโดยราเจช อัครวัล ที่กรุงนิวเดลี เพื่อหารือกัน


ส่วนความสัมพันธ์กับประเทศและกลุ่มชาติอื่นๆ  ล่าสุด อินเดียได้ลงนามข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักรในเดือนกรกฎาคม โดยบรรลุข้อตกลงในการลดภาษีสินค้าตั้งแต่สิ่งทอไปจนถึงวิสกี้และรถยนต์ เพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาดที่มากขึ้นสำหรับธุรกิจอินเดีย โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการค้าระดับทวิภาคีอีก ราว 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในปี 2040 หนาลังจากที่นายกรัฐมนตรีของทั้ง 2  ประเทศได้ประกาศข้อตกลงทางธุรกิจและการลงทุนทวิภาคีเพิ่มเติมเมื่อต้นเดือนนี้


นอกจากนี้อินเดียกำลังดำเนินการทำข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) และหวังว่าจะสรุปการเจรจาให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ การเจรจาดังกล่าวได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นอีกครั้งในปี 2022 หลังจากหยุดชะงักไปเกือบหนึ่งทศวรรษ เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์กล่าวเมื่อวันพุธว่า อินเดียและ EU ได้จัดการเจรจาไปแล้ว 14 รอบ โดยรอบล่าสุดเกิดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว




"ทรัมป์" เผย "โมดี" ยืนยันจะเลิกซื้อน้ำมันรัสเซียแล้ว 


ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพุธ (15 ตุลาคม 2568) ระบุว่า นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ยืนยันกับเขาว่า อินเดียจะไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอีกต่อไป


ทรัมป์กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในงานอีเวนต์งานหนึ่งซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว พร้อมเผยด้วยว่า “ตอนนี้ผมจะทำให้จีนทำแบบเดียวกัน” โดยทรัมป์ได้เรียกร้องให้จีนและอินเดียหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซียมาหลายเดือนแล้ว โดยขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าจากทั้งสองประเทศหากทั้งสองประเทศไม่ให้ความร่วมมือ


ทรัมป์อ้างว่า โมดีได้ให้คำมั่นในวันพุธ โดยกล่าวเสริมว่า การที่อินเดียจะหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซียจำเป็นต้อง “ผ่านกระบวนการเล็กน้อย” ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเริ่มได้ในเร็ว ๆ นี้


ในการแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) เมื่อเดือนกันยายน 2568 ทรัมป์ได้กล่าวหาจีนและอินเดียว่าเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดหาเงินทุนให้กับรัสเซียใช้ในการทำสงครามกับยูเครน ซึ่งลากยาวมาตั้งแต่ปี 2565


สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอินเดียย่ำแย่ลงนับตั้งแต่ที่ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียในอัตรา 50% ซึ่งทรัมป์ระบุว่าเป็นการลงโทษอินเดียที่ซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย และยิ่งย่ำแย่ลงไปอีกหลังจากที่ทรัมป์ดำเนินการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 100,000 ดอลลาร์สำหรับการสมัครวีซ่า H-1B ซึ่งแรงงานด้านเทคโนโลยีชาวอินเดียส่วนใหญ่ใช้เพื่อทำงานในสหรัฐฯ


อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่า ความขัดแย้งสามารถแก้ไขได้ โดยเขาได้ยกย่องโมดีในวันพุธว่าเป็น “บุรุษผู้ยิ่งใหญ่” และพวกเขา “มีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม”


ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้สมาชิกกลุ่ม G7 เพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย และมีส่วนร่วมในการตัดรายได้ของมอสโกเพื่อยุติการทำสงครามกับยูเครน




“อินเดีย” จ่อนำเข้าน้ำมันสหรัฐฯ เพิ่มอีก 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หวังลดแรงกดดันทางการค้า


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์อินเดียเปิดเผยว่าอินเดียมีศักยภาพในการนำเข้าน้ำมันจากสหรัฐเพิ่มอีก 15,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของนิวเดลีที่จะเร่งการเจรจาการค้าและผลักดันให้บรรลุข้อตกลงโดยเร็ว


ราชีช อัครวาล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของอินเดีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงนิวเดลีว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อินเดียได้เพิ่มปริมาณการซื้อน้ำมันจากสหรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่า ขณะนี้เรานำเข้าน้ำมันจากสหรัฐฯ อยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 12,000–13,000 ล้านดอลลาร์ ตามตัวเลขปีงบประมาณ 2568 และยังมีช่องว่างอีกประมาณ 14,000–15,000 ล้านดอลลาร์ที่สามารถเพิ่มได้ตามกำลังการกลั่นในปัจจุบัน


การเพิ่มการซื้อน้ำมันดังกล่าวอาจช่วยลดส่วนเกินทางการค้าของอินเดียกับสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 4.27 หมื่นล้านดอลลาร์ และอาจช่วยบรรเทาความไม่พอใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียถึง 50% โดยให้เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการที่อินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย


เจ้าหน้าที่อินเดียชุดหนึ่งกำลังเดินทางไปสหรัฐ เพื่อพบปะคู่เจรจาและหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ภายในเดือนหน้า โดยกลยุทธ์หลักของอินเดียคือ การลดส่วนเกินทางการค้ากับสหรัฐ ผ่านการนำเข้าสินค้าจากอเมริกาเพิ่มขึ้น การเปิดตลาดในประเทศให้เข้าถึงง่ายขึ้น และการลดอุปสรรคทางการค้า โดยอินเดียกำลังพิจารณาแผนจัดซื้อสินค้ารายการใหญ่จากสหรัฐ มูลค่ารวมประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารและน้ำมัน


อัครวาลกล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมของอินเดียยังคงยืดหยุ่นและแข็งแกร่ง แม้จะต้องรับภาระต้นทุนจากภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น แต่ก็สามารถรักษาห่วงโซ่อุปทานให้ดำเนินต่อได้


ทั้งนี้ดุลการค้าขาดดุลของอินเดียขยายตัวแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี ในเดือนกันยายนอยู่ที่ 3.215 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามยอดส่งออกของอินเดียยังคงเพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้สหรัฐจะขึ้นภาษีสินค้าจากอินเดียในระดับสูงที่สุดในเอเชีย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง