รีเซต

SCB พ้นเสี่ยง WEH ขึ้นดอกเบี้ยหนุนอีก

SCB พ้นเสี่ยง WEH ขึ้นดอกเบี้ยหนุนอีก
ทันหุ้น
3 สิงหาคม 2566 ( 06:49 )
85

SCB เฉิดฉาย พ้นความเสี่ยงจากข้อพิพาท WEH หลังศาลอังกฤษยกฟ้อง ขณะที่ กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หนุนส่วนต่างดอกเบี้ย นักวิเคราะห์มั่นใจสินเชื่อธุรกิจครึ่งปีหลังมาแรง NPL เร่งตัวในกรอบที่บริหารจัดการได้ ชี้เป้า SCB เด่นจาก ROE สูงถึง 10% ครึ่งหลังสำรองต่ำกว่าครึ่งแรก เป้า 140 บาท

 

นายปิติ  ดิษยทัต  เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ว่า คณะกรรมการ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%ต่อปี จาก 2% เป็น 2.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันทีเพื่อป้องกันการสะสมความไม่สมดุลทางการเงินที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ทั้งนี้คณะกรรมการกนง. ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยอุปสงค์จากต่างประเทศล่าสุดชะลอลงบ้าง แต่คาดว่าจะทยอยปรับดีขึ้นในระยะต่อไป ด้านอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงและมีแนวโน้มทรงตัวในกรอบเป้าหมายโดยยังมีความเสี่ยงด้านสูง กนง.จึงมุ่งรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่อยู่ในระดับสูง

 

@ NIM แบงก์เพิ่ม

 

นายตฤณ  สิทธิสวัสดิ์  นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ภาพกลุ่มธนาคารพาณิชย์ครึ่งหลังของปี 2566 (2H/66) จะมีการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ตามแผนการลงทุนของภาคธุรกิจขนาดใหญ่หลังการจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนขึ้น ขณะที่สินเชื่อรายย่อยจะเติบโตสอดคล้องกับการบริโภคที่ขยายตัว

 

เช่นเดียวกันส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)ก็จะเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมกันนี้คาดว่าธนาคารพาณิชย์จะสามารถควบคุมสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่า NPL จะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือของ ธปท.

 

@ชู SCB เด่นสุดแบงก์ไทย

 

เลือก SCB เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หนุนจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) ที่เร่งตัวแตะระดับ 10% สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แม้การตั้งสำรองงวดไตรมาส 2/2566 เพิ่มขึ้น 21.9% QoQ สูงกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์ประเมิน เพื่อรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และการเร่ง Write Off  NPL ให้ลดลง จึงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของ SCB ที่ 4.52 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.5% YoY หนุนจากการเร่งขยายสินเชื่อของธุรกิจ, Consumer Finance ที่โดดเด่น, และ NIM ที่เร่งตัวขึ้นได้ดี นอกจากนี้คาดการตั้งสำรองใน 2H/2566 จะชะลอลงจาก 1H/2566 หลังไม่มีรายการพิเศษทั้งจากกรณีของ STARK และปัญหาในการดำเนินงานของธุรกิจ CardX คาดจ่ายเงินปันผลทั้งปีที่ 6 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ราว 6%หลังปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลขึ้นเป็น 60% ของกำไรสุทธิ จากเดิม 40% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมที่ 140 บาท ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 26.7%

 

@ SCB พ้นเสี่ยง WEH

 

นายตฤณ กล่าวด้วยว่า การที่ SCB รอดพ้นจากข้อพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้นเดิมและกลุ่มผู้ถือหุ้นปัจจุบัน บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) โดยศาลอังกฤษตัดสินยกฟ้อง SCB และนายอาทิตย์ นันทวิทยา นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ชัดเจนแล้วว่า SCBไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีพิพาทดังกล่าว เนื่องจาก SCBมิได้ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้บริหารฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการปล่อยกู้ให้กับบริษัท เพื่อไปดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าของกลุ่ม จำนวน 8 โครงการ ซึ่ง WEH ยังคงมีความสามารถในการดำเนินกิจการ และมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะชำระหนี้ โดย SCB พิจารณามูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันสูงเพียงพอต่อวงเงินสินเชื่อ จึงไม่มีความเสี่ยง และต้องตั้งสำรองพิเศษเพื่อกรณีดังกล่าว

 

ด้านนายประเดช กิตติอิสรานนท์ ผู้ถือหุ้นใหญ่  WEH ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงหลังศาลอังกฤษตัดสินให้ นายณพ ณรงค์เดช และพวกรวม 14 คน รวมถึงนายประเดช จ่ายค่าเสียหายรวมราว 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ กว่า 3 หมื่นล้านบาท แก่นายนพพร ศุภพิพัฒน์  โดยยืนยันซื้อหุ้น WEH จาก นายณพ ณรงค์เดช และบริษัท โกลเด้น มิวสิค จำกัด (GML) สำหรับกรณีที่ศาลสูงแห่งประเทศอังกฤษและเวลล์ (ศาลอังกฤษ) ได้มีคำพิพากษาใดก็ตามไม่มีผลผูกพันกับศาลไทยที่จะต้องปฏิบัติตามศาลอังกฤษที่มีคำพิพากษาไว้ หากจะให้มีผลผูกพันตามกฎหมายไทย ต้องยื่นฟ้องกันใหม่ในประเทศไทยเท่านั้น และพร้อมจะพิสูจน์ความจริงที่ศาลไทย

 

ขณะที่ นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA แจ้งว่า ทั้งนี้ บริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นใน WEH ในสัดส่วน 7.12% ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อคําตัดสินดังกล่าว เนื่องจากเป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้นฝ่ายหนึ่งกับผู้ถือหุ้นอีกฝ่ายหนึ่งของ WEH โดยหุ้นที่บริษัทเข้าซื้อจํานวน 7.12% นั้น ไม่ได้อยู่ในข้อพิพาทดังกล่าวแต่อย่างใด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง