กสม.ห่วงความไม่สงบชายแดนไทย-เมียนมา แนะรัฐบาลเร่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัย
ข่าววันนี้ 28 ธันวาคม สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รายงานผลการหารือของกสม.ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ถึงสถานการณ์ความไม่สงบจากการสู้รบในประเทศเมียนมา บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาที่ยังคงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่า กสม. ได้ติดตามสถานการณ์และห่วงกังวล เนื่องจากสถานการณ์ส่งผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนและความปลอดภัยของบุคคลและชุมชน เบื้องต้น กสม. มีความเห็นว่าการสร้างความมั่นคงและปลอดภัยบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา รัฐบาลไทยควรเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นจากการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเคารพต่อหลักสากล
การห้ามผลักดันกลับสู่อันตราย อย่างเคร่งครัด และกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมาซึ่งมีทั้งแรงงาน ผู้หนีภัยทางการเมือง และผู้หนีภัยจากการสู้รบ ควรผลักดันให้เกิดกลไกท้องถิ่นที่ประกอบด้วยภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาสังคม ตลอดจนประชาชนจิตอาสา ฯลฯ ในการระดมสิ่งของความช่วยเหลือและดูแลผู้หนีภัยความไม่สงบ เนื่องจากชุมชนไทยบริเวณชายแดนซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับผู้หนีภัยต้องการให้ความช่วยเหลือดูแลผู้หนีภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์สู้รบในประเทศเมียนมาด้วย
สำหรับการป้องกันภัยอันตรายให้แก่ชุมชนไทยบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดให้มีการดูแลด้านความปลอดภัย เช่น การทำบังเกอร์ป้องกันภัยแก่ชุมชน จัดทำแผนเผชิญเหตุ เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ และซักซ้อมความเข้าใจแก่ประชาชนในชุมชนที่อาจได้รับผลกระทบจากความไม่สงบด้วย ทั้งนี้ กสม. ยังคงติดตามผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นแก่ชาวเมียนมาผู้หนีภัยความไม่สงบเข้ามายังประเทศไทย และชุมชนชาวไทยบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเร็ว ๆ นี้ กสม. โดยนางปรีดา คงแป้น และน.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์ กสม. มีกำหนดลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในเบื้องต้นกับทางจังหวัดตากและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบด้วย ทั้งนี้ กสม. หวังว่าในสถานการณ์ที่ความไม่สงบส่งผลถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตอย่างรุนแรงต่อบุคคลและชุมชนเช่นนี้ การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกที่ทุกฝ่ายคำนึงถึง