เปิดมุมมอง 4 โบรกต่อหุ้น AOT หลังประกาศงบ Q1 แนวโน้มปี 66 พลิกมีกำไร

บล.เอเซีย พลัส แนะนำซื้อหุ้น AOT ให้ราคาเป้าหมายที่ 69.60 บาท โดยไตรมาส 1/65 ที่ขาดทุน 4.2 พันล้านบาท สูงกว่าคาดจากรายการพิเศษ 786 ล้าบาท หลักๆ จากการตั้งสำรองข้อพิพาทที่ศาลปกครองกลางตัดสินให้แพ้คดีจ้างบริหารและจัดการด้านขนส่งสินค้าในเขตปลอดอากร แต่หากนับเฉพาะขาดทุนปกติจะอยู่ที่ 3.48 พันล้านบาท ลดลง 17% จากไตรมาสก่อน ซึ่งใกล้เคียงคาด และน่าสะท้อนภาพธุรกิจผ่านจุดต่ำสุด จากรายได้ค่าบรการฟื้นตัวขึ้น หนุนจากผลบวกการเปิดประเทศภายใต้มาตรการ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการในปีบัญชี 2565 จะลดลง 63% และจะพลิกฟื้นมีกำไรที่ 1.31 หมื่นล้านบาท ในปีบัญชี 2566 

ทั้งนี้ AOT มีจุดเด่นผูกขาดบริการสนามบินหลัก นอกจากช่วยในเรื่องการฟื้นตัวที่มีความแน่นอนสูง ยังช่วยให้มีช่องทางต่อยอดธุรกิจได้อีกมาก ซึ่งปัจจุบัน AOT มีแผนเตรียมการรองรับ เช่น การต่อยอดธุรกิจเชิงพาณิชย์ต่างๆ เช่น บริการภาคพื้นในสนามบิน, บริการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณภาพส่งสินค้าอาหารและเกษตรก่อนส่งออก รวมถึงแผนการให้สัมปทานธุรกิจต่างๆ ดำเนินในโครงการ Airport City ทั้งที่ดินผืนบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีการขยายอายุสัญญาเช่าให้ยาวขึ้นแล้ว รวมถึงพื้นที่ดินอีกแห่งที่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่ง AOT ได้ขอเปลี่ยนแปลงผังเมืองเพื่อรองรับโครงการเชิงพาณิชย์พื้นที่ดังกล่าว แม้ upside เริ่มจำกัด แต่โอกาสที่ผู้ใช้บริการต่างประเทศฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาด จะช่วยเปิด Upside ระยะถัดไปได้ 

บล.กรุงศรี แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 78 บาทต่อหุ้น มองว่าผลประกอบการไตรมาส 1/65 ที่ขาดทุนปกติ 3.5 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยฝ่ายวิจัยจะทบทวนประมาณการอีกครั้ง หลังมีการประชุมนักวิเคราะห์ ซึ่งมองว่าความเสี่ยงจากโอมิครอนเริ่มเบาลงและจำนหวนผู้ลงทะเบียนในโครงการ Thailand pass ช่วง 1-5 ก.พ. 1.0 แสนคน (จาก 3.0 หมื่นคนใน 1 ก.พ.) ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าภาคท่องเที่ยวไทยจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของ ก.พ. และฟื้นตัวได้ชัดเจนขึ้นตั้งแต่มี.ค. เป็นต้นไป 

บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)  มองว่าผลประกอบการไตรมาส 1/65 ของ AOT แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มขึ้นประมาณ 1 พันล้านบาท (จากการประมาณการหนี้สินคดีความ เนื่องจากศาลปกครองพิพากษาให้ AOT ชำระเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดีในประเด็นข้อพิพาทสัญญาจ้างบริหารและจัดการด้านขนส่งสินค้าภายในเขตปลอดอากร) 

ขณะที่ผลดำเนินงานโดยรวมยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในไทย แม้ว่าผลกระทบจะบรรเทาลงไปบ้าง เนื่องจากมีการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ นอกจากนี้มาตรการของ AOT ที่ให้ความช่วยเหลือสายการบิน และผู้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจนถึงเดือน มี.ค. 2566 

ฝ่ายวิจัย คาดว่าการกลับมาเปิดประเทศไทยอีกครั้งจะเป็นพัฒนาการด้านบวกสำหรับทั้งไทยและ AOT ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นด้านบวกต่อผลประกอบการของ AOT ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากที่เริ่มเปิดประเทศบางส่วนตั้งแต่ไตรมาส 4/64 โดยคาดว่าผลประกอบการของ AOT จะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2565 ก่อนที่จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2566 จึงได้ประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2565 ที่ 4.47 พันล้านบาท และในปี 2566 จะพลิกเป็นกำไร 1.27 หมื่นล้านบาท ยังคงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 73 บาทต่อหุ้น

บล.คิงฟอร์ด มองว่าการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สร้างแรงกดดันไม่มาก และ การเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแบบ Test & Go จะช่วยหนุนการฟื้นตัวได้ โดยคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ของ AOT มีแนวโน้มดีขึ้น และได้ประมาณการทั้งปี 2565 จะขาดทุน 10,433 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2566 จะพลิกมีกำไร 12,492 ล้านบาท โดยแนะนำซื้อเก็งกำไร ให้ราคาเป้าหมายที่ 70 บาทต่อหุ้น 

ราคาหุ้น AOT เช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 64.75 บาท ลบ 0.75 บาท หรือ 1.15% มีมูลค่าการซื้อขาย 453.76 ล้านบาท