รีเซต

ทูตสหรัฐฯ-ผช.รมต.ตปท. ร่วม 'เปิดหน้าดิน' สร้างสถานกงสุลใหม่ที่เชียงใหม่

ทูตสหรัฐฯ-ผช.รมต.ตปท. ร่วม 'เปิดหน้าดิน' สร้างสถานกงสุลใหม่ที่เชียงใหม่
มติชน
25 กันยายน 2563 ( 14:43 )
474
ทูตสหรัฐฯ-ผช.รมต.ตปท. ร่วม 'เปิดหน้าดิน' สร้างสถานกงสุลใหม่ที่เชียงใหม่

เมื่อเวลา 10.39 น. วันที่ 25 กันยายน 2563 นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นายฌอน โอนีลล์ กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายสมคิด เลิศเกียรติดำรงค์ นายกเทศบาลตำบลหนองป่าครั่ง อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ร่วมเป็นประธานเปิดหน้าดินสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำเชียงใหม่ แห่งใหม่ บนเนื้อที่ 6.5 เอเคอร์ หรือ 16.5 ไร่ บริเวณริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง เส้นทางขาออกติดกับอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ อ.เมืองเชียงใหม่ ท่ามกลางการแสดงความยินดีของหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ เจ้าหน้าที่และพลเรือนชาวอเมริกันที่ทำงานและพำนักในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และภาคเหนือ

 

 

เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะเอกอัครราชทูตคนที่ 23 และเป็นผู้แทนประธานาธิบดี โรนัลด์ ทรัมป์ ในโอกาสเปิดหน้าดินสร้างสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ที่ภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่เป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนานในแถบเอเชียผ่านความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะใน 3 ประเด็นหลัก คือ การยกระดับความเป็นหุ้นส่วนในเชิงยุทธศาสตร์ เสริมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ และความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล เพื่อต่อยอดความร่วมมือกว่า 200 ปี แห่งความสัมพันธ์ที่ทำให้บรรลุเป้าหมายมาหลายชั่วอายุคน

 

 

“ปีนี้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี ของการก่อตั้งสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำเชียงใหม่ ซึ่งมีความเก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือ และวันนี้เป็นวันเปิดหน้าดินเพื่อเริ่มต้นก่อสร้างสถานกงสุลแห่งใหม่ สำหรับสานต่อการดำเนินงานต่อไป และจะกลายเป็นสัญญลักษณ์ถึงความมุ่งมั่นที่สหรัฐอเมิกามีต่อภาคเหนือของไทย ด้วยมูลค่าการลงทุน 284 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 8,800 ล้านบาท และการจ้างแรงงานในท้องถิ่นกว่า 400 คน เป็นการลงทุนเพื่อเศรษฐกิจในท้องถิ่น”

 

 

นายไมเคิล กล่าวอีกว่า แม้ว่าวันนี้จะเป็นวัดที่สดใสแต่เราจะไม่ลืมอดีตที่ภาคภูมิใจของการร่วมมือร่วมใจสร้างสถานกงสุลเมื่อปี 2493 ภายหลังสงครามโลก ที่เป็นความท้าทายในการเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่ผ่านมา ทั้งด้านสาธารณสุข ในเรื่องการวิจัยโรคมาเลเรียที่เดินหน้ามาจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนความร่วมมือด้านความมั่นคงในการต่อต้านการลักลอบนำเข้ายาเสพติด เพื่อความมั่นคงและมั่นใจในการเคารพต่ออธิปไตยของไทย ตลอดจนความร่วมมือต่อต้านยาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกับไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา

 

 

ในขณะที่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การสร้างสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมถึงความไว้วางใจและความมุ่งมั่นที่สองประเทศมีต่อกันในฐานะมิตรและหุ้นส่วนที่ยาวนาน เป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งการยกระดับความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาในภาคเหนือ เป็นความยั่งยืนถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อกันต่อไปในอนาคต

 

ทั้งนี้สถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ ได้รับการออกแบบโดยชาวอเมริกันที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์และรูปแบบการก่อสร้างอาคารในภาคเหนือที่มีความหลากหลาย โดยผสมผสานความเขียวชอุ่มเข้ากับ ‘ศาลา’ ที่มีลักษณะเป็นระเบียงเปิดโล่ง เพื่อใช้จัดงานอย่างเป็นทางการ สะท้อนสถาปัตยกรรมแบบล้านนาโบราณ โดยใช้พื้นที่สาธารณะกั้นส่วนต่างๆ ของอาคารออกจากกัน ซึ่งสำนักงานฝ่ายศิลป์ฯ จะจัดแสดงชุดผลงานหลากหลายเป็นการถาวร ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย สิ่งทอ และประติมากรรมจากศิลปินทั้งไทยและอเมริกัน โดยมีเป้าหมายที่จะได้รับการรับรองมาตรฐาน Leadership in Energy amd Environmental Design (LEED@) ระดับ Silver เพื่อการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ระบบน้ำจากพลังงานทดแทน ระบบการควบคุมอาคารแบบอัตโนมัติ สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ กรอบอาคารที่ช่วยปรับลดอุณหภูมิภายใน หน้าต่างลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ และโครงสร้างภายนอกอาคารโดยแผงบังแดด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง