เปิดเส้นทางปั้นแบรนด์"ยาหม่องไทย"ทำไมครองตลาด CLMV
สมุนไพรวังพรม เป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยที่เติบโตในตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุดผลิตภัณฑ์ยาหม่องสมุนไพรไทยของแบรนด์ สามารถทำยอดขายขายดีอันดับ 1 ในประเทศลาว ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 60% แซงหน้าโลคอลแบรนด์เจ้าถิ่นมาได้
ส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ปี 2560
สมุนไพรวังพรม ได้เริ่มต้นขยายตลาดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV มาตั้งแต่ปี 2560 จนปัจจุบันถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศลาว ที่มีความชื่นชอบในผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นทุนเดิม และมีไลฟ์สไตล์การใช้ผลิตภัณฑ์ทาถูบรรเทาอาการและนวดผ่อนคลายคล้ายกับคนไทย ทำให้ผลิตภัณฑ์ “ยาหม่องสมุนไพรเสลดพังพอน” และยาหมองสมุนไพรไทยสูตรอื่นๆ ของแบรนด์สมุนไพรวังพรม เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ภายหลังเข้าไปทำตลาดในประเทศลาว
ปี 2562 ทำยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
นางสาววัชรีภรณ์ วังพรม กรรมการบริหาร บริษัท สมุนไพรวังพรม จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2561 อีกทั้งยังครองส่วนแบ่งอันดับ 1 โดยทำยอดจำหน่ายรวมถึง 60% กลุ่มตลาดยาหม่องในประเทศลาว ซึ่งถือเป็นอีกก้าวของความสำเร็จ ที่ผลิตภัณฑ์ยาหม่องสมุนไพรไทยสามารถทำยอดขาย แซงหน้าผลิตภัณฑ์ยาหม่องโลคอลแบรนด์ของลาวได้เป็นครั้งแรก
ยาหม่องยังมีโอกาสเติบโตในเมียนมาร์และกัมพูชา
เพื่อขยายตลาดและฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ในระยะที่สองของการมุ่งเป้าสู่ตลาดกลุ่มประเทศ CLMV สมุนไพรวังพรม จะเร่งผลักดันการทำตลาดและส่งออกไปยังประเทศเมียนมาร์และกัมพูชา เนื่องจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยเฉพาะยาหม่องยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่งจากการคาดการณ์แนวโน้มในสองประเทศ คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ 8-10% ภายในปี 2565
ภูมิปัญญาและการนวดไทย ปั้นแบรนด์สมุนไพรให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่
การจะกระตุ้นยอดขายในประเทศผ่านกลยุทธ์ปั้นแบรนด์สมุนไพรไทยนั้น สมุนไพรวังพรมจะเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาและการนวดไทยอันเป็นเอกลักษณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ได้แก่
(1) เพิ่มกลุ่มผู้บริโภค โดยเน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่ ที่หันมาให้ความสนใจผลิตภัณฑ์สมุนไพรมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ โดยเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และการจัดโปรโมชั่น ควบคู่กันไปทั้งหน้าร้านและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศไทย
(2) ยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์สมุนไพรวังพรมยังไปไกลถึงกลุ่มประเทศในแถบยุโรปด้วย ซึ่งสอดคล้องกับศาสตร์นวดไทยที่ได้รับยกย่องเป็นมรดกโลก การเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์เข้ากับเรื่องราวและคุณค่าที่ได้รับการยอมรับในต่างประเทศอย่างแพร่หลาย จะช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ก้าวสู่ระดับสากล ผ่านการเปิดตัวคลิปวิดีโอ “เชิดชูนวดไทย จากสมุนไพรวังพรม” ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณค่าและเรื่องราวให้กับผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยอีกด้วย
(3) เตรียมความพร้อมด้านกำลังการผลิต โดยดำเนินการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ภายใต้มาตรฐาน GMP PIC/S อันเป็นมาตรฐานการผลิตยาของประเทศในสหภาพยุโรป มาตรฐานเดียวกับโรงงานผลิตยาสามัญ เช่น พาราเซตามอล ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่มีเป้าหมายปรับปรุงมาตรฐานการผลิต ของผู้ผลิตยาแผนโบราณขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงผู้ผลิตที่ผลิตยาในรูปแบบที่มีความเสี่ยงต่ำในประเทศ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการภายในปี 2564
โควิด-19 ทำกำลังซื้อชะลอตัว
นายวุฒิชัย วังพรม กรรมการบริหาร บริษัท สมุนไพรวังพรม จำกัด กล่าวว่ายอดขายในช่วง 2 ไตรมาสของปี 2563 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า สมุนไพรวังพรมก็เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยตรง โดยไม่เพียงต้องหยุดไลน์การผลิตและปิดโรงงานชั่วคราว เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อกะทันหัน แต่ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงยอดขายทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งผลจากการที่ธุรกิจนวดไทยที่เป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ จำเป็นต้องหยุดให้บริการส่งผลให้ยอดจำหน่ายโดยรวมในช่วงนั้นค่อนข้างชะงักตัว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ในช่วงเดือนกรกฎาคม และ สิงหาคม ที่ผ่านมาตลาดต่างๆของผลิตภัณฑ์สมุนไพรวังพรม เริ่มกลับมามีคำสั่งซื้อและมีแนวโน้มปรับขยายตัวต่อเนื่อง คิดเป็นประมาณ 50% จากช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก ดังนั้นขณะนี้โรงงานจึงเดินสายพานการผลิตอย่างเต็มกำลัง และเพิ่มโอทีพนักงาน 100% ซึ่งหากยอดคำสั่งซื้อมีมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในสิ้นปี 2563 สมุนไพรวังพรมจะสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤติโควิด-19 ไปได้ และทำยอดขายได้ตามเป้า
ปี 2563 ครบรอบ 25 ปีของสมุนไพรวังพรม
ในปี 2563 นี้สมุนไพรวังพรมดำเนินกิจการมาครบรอบ 25 ปี โดยมีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 6 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มยาดม กลุ่มยาสมุนไพร กลุ่มยาแคปซูล กลุ่มของใช้ส่วนตัว กลุ่มของชำร่วย และกลุ่มยาสำหรับนวด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุด
โดย“ยาหม่องสูตรเสลดพังพอน” เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมและมีเอกลักษณ์ ด้วยสีของผลิตภัณฑ์และกระปุกสีเขียว มีสรรพคุณช่วยแก้คันจากพิษแมลงสัตว์กัดต่อย มีกลิ่นหอมนวล-ละมุน และ “ยาหม่องสูตรไพล” กระปุกสีเหลือง ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ดี
ตลาดยาหม่องในไทยยังมีโอกาสโตได้อีก
ปัจจุบันยาหม่องแบรนด์สมุนไพรวังพรม ถือเป็น 1 ใน 5 ผู้นำตลาดยาหม่องในประเทศไทย ที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 3 พันล้านบาท ดังนั้นจึงเชื่อว่าโอกาสการเพิ่มยอดขายในสินค้ากลุ่มนี้ยังมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ส่วนตลาดผู้บริโภคต่างชาตินั้น ส่วนใหญ่ชื่นชอบและติดใจจากการประสบการณ์ตรง หลังเข้ารับบริการร้านนวดแผนไทย หรือมีโอกาสได้ทดลองใช้ระหว่างเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจนเกิดเป็นกระแสแนะนำปากต่อปาก
จากเส้นทางการเติบโตของแบรนด์ สมุนไพรวังพรมที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นแบรนด์ไทยอีกหนึ่งแบรนด์ที่ไปได้ไกลในระดับโลกและเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ร่วมฟื้นเศรษฐกิจจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่องธุรกิจ"LINE FRIENDS"!คาแรกเตอร์ไลน์สุดฮิตจะมีธุรกิจอะไรบ้าง?
เปิดเครื่อง!!ฟื้นฟู การบินไทย เร่งทำรายได้ใช้คืนเจ้าหนี้!
เช็กก่อน!ข้อดี-ข้อเสีย รีไฟแนนซ์บ้านก่อนยื่นกู้!!
เปิดระบบ'AI Chatbot' ช่วยไลฟ์สดดันยอดขายโตพุ่ง!!
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE