สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ: ยังไม่คลี่คลาย! เชียงรายวิกฤต ลำปาง-เชียงใหม่ยังอ่วม
ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 หลายจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรง อันเป็นผลมาจากพายุฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเชียงราย ลำปาง และเชียงใหม่
จังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะที่อำเภอเวียงป่าเป้า ซึ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันที่รุนแรงที่สุด น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลป่างิ้ว ตำบลบ้านโป่ง และตำบลเวียง ระดับน้ำท่วมสูงบนถนนทางหลวงหมายเลข 118 (เชียงใหม่-เชียงราย) โดยเฉพาะที่บริเวณบ้านบวกขอน หมู่ 9 ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ และหน้าโบสถ์คริสต์บ้านทรายมูล ตำบลป่างิ้ว สาเหตุหลักของน้ำท่วมมาจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง รวมถึงน้ำล้นสปริงเวย์ที่อ่างเก็บน้ำแม่ฉางข้าวและเขื่อนดอยงู
เจ้าหน้าที่ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยทหารจากกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ได้อพยพนักเรียนจากโรงเรียนนุชนาช ตำบลป่างิ้ว กว่า 90 คน ไปยังที่ว่าการอำเภอเวียงป่าเป้าเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังพบผู้ประสบภัย 8 ราย รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ 3 ราย ที่ได้รับการช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานผู้สูญหาย 1 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหา
ผลกระทบจากน้ำท่วมยังส่งผลให้การคมนาคมในพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ถนนหมายเลข 118 (เชียงใหม่-เชียงราย) ในหลายพื้นที่ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ประชาชนต้องใช้เส้นทางเลี่ยงผ่านจังหวัดลำปางหรือพะเยาแทน นอกจากนี้ สะพานในหลายจุดได้รับความเสียหายจากน้ำกัดเซาะ ทำให้ต้องมีการสร้างสะพานไม้ชั่วคราวเพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้
ในส่วนของจังหวัดลำปาง พื้นที่ตอนบนของอำเภอห้างฉัตร โดยเฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ประสบกับฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาตามลำน้ำแม่ตาล สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อพื้นที่โดยรอบ เส้นทางรถไฟสายเหนือถูกตัดขาดบริเวณช่วงกลางเขาดอยขุนตาล ทำให้รถไฟต้องหยุดให้บริการที่สถานีนครลำปาง นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่บ้านปางปง-ปางทราย ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร และมีบ้านเรือนประชาชนกว่า 2,000 หลังคาเรือนได้รับความเสียหาย
ที่จังหวัดเชียงใหม่ แม้จะไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงเท่าจังหวัดอื่น แต่ก็มีรายงานน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณใกล้แม่น้ำปิง ส่งผลกระทบต่อสถานศึกษาบางแห่ง เช่น โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย ที่ต้องปรับเวลาการสอบปลายภาคเรียนของนักเรียนหลายระดับชั้น
ในส่วนของการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พบว่าหลังน้ำลดพื้นที่ประสบปัญหาโคลนตมหนาถึง 1-2 ฟุต ครอบคลุมบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ การทำความสะอาดเป็นไปด้วยความยากลำบาก ส่งผลให้ค่าแรงสำหรับการทำความสะอาดและขุดตักดินโคลนเพิ่มขึ้นจาก 300-350 บาทต่อวัน เป็น 400-600 บาทต่อวัน
รัฐบาลได้ประกาศแผนการฟื้นฟู โดยมีเป้าหมายจะเคลียร์พื้นที่เสียหายหนักให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายน 2567 พร้อมทั้งมีมาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าและน้ำประปาสำหรับผู้ประสบภัย อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูให้กลับสู่สภาวะปกติคาดว่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือน
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือของประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ การฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พื้นที่ประสบภัยสามารถกลับมาสู่สภาวะปกติได้โดยเร็วที่สุด
ภาพ Freepik
เรียบเรียงโดย ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ