สทนช.เตือนภาคใต้ 11 จังหวัด 17-22 พ.ย. ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าหลาก

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ออกประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรง ส่งผลให้หลายจังหวัดอาจมีฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 17–22 พฤศจิกายน โดยพื้นที่เสี่ยงรวม 11 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
สำหรับพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทันได้แก่ บริเวณ
- จังหวัดชุมพร (อำเภอสวี ทุ่งตะโก พะโต๊ะ ละแม และหลังสวน)
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ชัยบุรี พระแสง เวียงสระ กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก บ้านนาสาร ท่าฉาง และเกาะสมุย และเกาะพงัน)
- จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)
- จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เชียรใหญ่ ชะอวด หัวไทร เฉลิมพระเกียรติ ปากพนัง พระพรหม สิชล นบพิตำ ท่าศาลา ขนอม และช้างกลาง)
- จังหวัดตรัง (อำเภอเมืองตรัง ห้วยยอด นาโยง ปะเหลียน และย่านตาขาว)
- จังหวัดพัทลุง (อำเภอกงหรา ตะโหมด ป่าบอน ศรีนครินทร์ ศรีบรรพต และป่าพะยอม)
- จังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล ควนโดน ควนกาหลง และท่าแพ)
- จังหวัดสงขลา (อำเภอเมืองสงขลา ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร รัตภูมิ บางกล่ำ ควนเนียง หาดใหญ่ คลองหอยโข่ง สะเดา นาหม่อม จะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย)
- จังหวัดปัตตานี (อำเภอเมืองปัตตานี หนองจิก โคกโพธิ์ แม่ลาน ยะรัง ยะหริ่ง มายอ ทุ่งยางแดง ปะนาเระ กะพ้อ สายบุรี และไม้แก่น)
- จังหวัดยะลา (อำเภอเมืองยะลา กาบัง ยะหา กรงปินัง รามัน บันนังสตา และธารโต)
- จังหวัดนราธิวาส (อำเภอเมืองนราธิวาส บาเจาะ รือเสาะ ยี่งอ ศรีสาคร ระแงะ ตากใบ เจาะไอร้อง จะแนะ สุคิริน สุไหงปาดี สุไหงโก-ลก และแว้ง)
สทนช. ยังสั่งการให้ติดตามอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำเกินกว่า 80% ของความจุ ในจังหวัดระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และกระบี่ รวมถึงอ่างที่มีน้ำไหลเข้าเกินความจุซึ่งเสี่ยงเกิดน้ำล้นอ่าง พร้อมเฝ้าระวังระดับน้ำลำน้ำสายหลักและลำน้ำสาขาที่อาจเพิ่มขึ้นรวดเร็ว เช่น แม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองชะอวด แม่น้ำตรัง แม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี.
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับคำสั่งให้ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนสะสมเกิน 90 มิลลิเมตรใน 24 ชั่วโมง พร้อมเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ และวางแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงคำนึงถึงระดับน้ำทะเล เพื่อรองรับปริมาณฝนที่อาจตกหนักในระยะต่อไป
และด้านนายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน เขื่อนมีปริมาณน้ำ 13,406 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 99.59 ของความจุเก็บกัก สูงที่สุดของปี โดยมีน้ำไหลเข้าอ่าง 65 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่แผนการระบายอยู่ที่ 55 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และคาดว่าหลังจากนี้ระดับน้ำจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ยืนยันการบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่จำเป็นต้องเปิดอาคารระบายน้ำล้น (Spillway) ตามความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสื่อออนไลน์
ทั้งนี้ ได้มีการวางแผนปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลจาก 55 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ลงเหลือ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ ขณะเดียวกัน มีการบริหารจัดการน้ำร่วมกันในลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ ควบคุมการไหลของน้ำในแม่น้ำน่านและแม่น้ำสะแกกรัง รวมถึงปรับลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เหลือ 136 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเพิ่มปริมาณน้ำเข้าระบบชลประทานสองฝั่งรวม 10 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อไม่ให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น โดยยังคงอัตราการระบายน้ำไว้ที่ 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
