รีเซต

สมเด็จพระสังฆราช เสด็จพิธีเททองหล่อพระเกศ พระพุทธมุนีศรีประชานาถ ประจำกระทรวงมหาดไทย

สมเด็จพระสังฆราช เสด็จพิธีเททองหล่อพระเกศ พระพุทธมุนีศรีประชานาถ ประจำกระทรวงมหาดไทย
มติชน
24 กรกฎาคม 2565 ( 15:18 )
247

เมื่อเวลา 10.19 น. วันที่ 24 กรกฎาคม  ที่พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเททองหล่อพระเกศ “พระพุทธมุนีศรีประชานาถ” เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ ศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ และพิธีเททองหล่อวัตถุมงคลราชสีห์กระทรวงมหาดไทย เนื่องในโอกาสการสถาปนากระทรวงมหาดไทย ครบ 130 ปี โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร

 

โดยพระคณาจารย์ ประกอบด้วย พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) วัดชินวราราม จ.ปทุมธานี พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ) วัดสว่างอารมณ์ จ.นครปฐม พระมงคลกิจโกศล (หลวงปู่ฤๅษีตาไฟ) วัดเทพหิรัญย์ จ.ชัยนาท พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออิฏฐ์) วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม นั่งปรกอธิษฐานจิตร่วมในพิธี มี พระมหาเถระ พระเถระ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร พระครูสมุห์วัชระ ภทฺทธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตาราม วรมหาวิหาร เมตตาร่วมพิธี

 

โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะผู้บริหารฝ่ายข้าราชการการเมือง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายชยาวุธ จันทร นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางกุลทรัพย์ ชื่นโกสุม นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คุณธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ กรรมการที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุกในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย และพุทธศาสนิกชน ร่วมในพิธี

 

โดยเมื่อเวลา 09.09 น. เป็นพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยมี เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานสงฆ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำคณะผู้บริหารระดับสูงจุดธูปเทียนบูชาฤกษ์หน้าโต๊ะเครื่องบวงสรวง และจุดธูปปักที่เครื่องบวงสรวง พราหมณ์อ่านโองการบูชาฤกษ์อันเชิญเทวดา และประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์

 

จากนั้น ในเวลา 10.19 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เสด็จลงพระอุโบสถ ทรงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีเททองหล่อพระเกศพระพุทธมุนีศรีประชานาถ และวัตถุมงคลราชสีห์กระทรวงมหาดไทย เนื่องในโอกาสการสถาปนากระทรวงมหาดไทย ครบ 130 ปี โดยทรงเจิมอักขระแผ่นทอง เงิน นาก แล้วหย่อนแผ่นทอง เงิน นาก ลงในช้อน เทลงในแบบ แล้วจับด้านสายสิญจน์ประกอบพิธีเททอง และประพรมน้ำพระพุทธมนต์เป็นสิริมงคล ผู้ร่วมพิธีกรวดน้ำ รับพร เป็นอันเสร็จพิธี ประกอบพิธีเททอง ทั้งนี้ ในช่วงก่อนประกอบพิธี ท้องฟ้า สภาพอากาศมีความแปรปรวน มืดครึ้ม แต่เมื่อถึงฤกษ์มงคลพิธี เกิดสิ่งอัศจรรย์ที่เมฆหมอกที่มืดครึ้มกลับสลายกลายเป็นแสงแดดแผดจ้า อันเป็นยามมงคลที่เหล่าเทวดาฟ้าดินต่างมาอำนวยอวยชัยอนุโมทนาบุญ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นด้วยความตั้งจิตตั้งใจประกอบคุณงามความดีด้วยบริสุทธิ์ให้แก่ประเทศชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

 

และในเวลา 10.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงข่าวการจัดสร้างวัตถุมงคล เนื่องในโอกาสการสถาปนากระทรวงมหาดไทย ครบ 130 ปี โดยกล่าวว่า นับเป็นพระเมตตาอย่างสูงที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมตตาประทานมงคลนามพระพุทธรูปประจำกระทรวงมหาดไทยว่า “พระพุทธมุนีศรีประชานาถ” ซึ่งมีความหมายที่ย้ำเตือนใจให้ชาวมหาดไทยและพุทธศาสนิกชนได้น้อมบูชาสาธุการว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งอันนำมาซึ่งความเจริญของปวงประชา”

 

โดยการสร้างพระพุทธรูปประจำกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้มีที่มา 3 ประการ อันได้แก่ 1) ในวาระอันเป็นมงคลที่กระทรวงมหาดไทยได้รับการสถาปนาครบ 130 ปี 2) นับตั้งแต่การสถาปนากระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2435 ยังไม่เคยมีการสร้างพระพุทธรูปประจำกระทรวงมหาดไทย และ 3) พระพุทธรูปประจำกระทรวงมหาดไทยที่จัดสร้างในครั้งนี้ มีขนาดหน้าตัก 32 นิ้วซึ่งเท่ากับอาการ 32 ประการของการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และจะอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นมงคลแก่ศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน ซึ่งตั้งอยู่ข้างวัดเศวตฉัตรวรวิหาร ทั้งนี้เมื่อศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่แล้วเสร็จ จะเป็นที่ตั้งของสำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรมที่ดิน กรมการพัฒนาชุมชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

 

โดยสำหรับที่ตั้งกระทรวงมหาดไทยในปัจจุบันนั้น จะมีการปรับอาคารที่เป็นอาคารสมัยใหม่ที่มีความสูงที่บดบังทัศนียภาพของโบราณสถานที่เป็นที่ตั้งศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร อันเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 เปลี่ยนเป็นพื้นที่สวนหย่อม สร้างความร่มรื่น และซึมซับความสวยงามทางสถาปัตยกรรมสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ให้กับพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และยังเป็นการถวายพระเกียรติยศแด่พระบรมวงศานุวงศ์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์อีกด้วย โดยพิธีที่จัดขึ้นในวันนี้ นับเป็นมิ่งมงคลที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จมาเป็นองค์ประธาน การเททองหล่อพระพุทธรูปประจำกระทรวง ในส่วนที่เป็นพระเกศ และทรงอธิษฐานจิตทองชนวน เงินชนวน สำหรับนำไปเป็นเชื้อมวลสารในการจัดทำเหรียญพระพุทธรูปประจำกระทรวงมหาดไทย และราชสีห์อันเป็นสัญลักษณ์ประจำกระทรวงมหาดไทย และได้รับเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ร่วมนั่งปรกอธิษฐาน

 

“สำหรับพิธีพุทธาภิเษก จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 (วันที่ 9 เดือน 9) ณ บริเวณลาน กระทรวงมหาดไทย โดยได้รับเมตตาจากพระครูวิศิษฏ์พิทยาคม (วราห์ ปุญญวโร) เจ้าอาวาสวิดโพธิทอง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระคณาจารย์ นั่งปรกอธิษฐานจิตอีก 8 รูป อาทิ พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) วัดชินวราราม จ.ปทุมธานี พระครูยติธรรมานุยุต (หลวงพ่อแป๊ะ) วัดสว่างอารมณ์ จ.นครปฐม พระมงคลกิจโกศล (หลวงปู่ฤๅษีตาไฟ) วัดเทพหิรัญย์ จ.ชัยนาท พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออิฏฐ์) วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น

 

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวต่ออีกว่า และเนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลที่ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะทรงเจริญพระชันษาครบ 8 รอบ 96 พรรษา ในปี 2566 ทรงประทานพระอนุญาตให้จัดสร้างสถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) ตั้งอยู่ ณ คลอง 9 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี บนพื้นที่ 172 ไร่ โดยได้รับบริจาคที่ดินจากคุณธัญรัศมิ์ นันธนวัฒน์ และครอบครัว เพื่อเป็น “รมณียสถาน” หรือสถานที่อันรื่นรมย์ เหมาะสมกับการปฏิบัติธรรม รองรับคณะสงฆ์ สามเณร และศรัทธาพุทธศาสนิกชน ที่มีความต้องการที่จะไปฝึกปฏิบัติธรรมตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นสูงกับคณาจารย์และพระอาจารย์ที่จะเมตตาไปดูแลจัดการอบรม

 

โดยได้มีการออกแบบพื้นที่เป็น 3 ส่วน ที่มุ่งเน้นการก่อเกิดประโยชน์ให้กับพุทธศาสนิกชนอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) เป็นสถานที่สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม อันประกอบด้วย ศาลาปฏิบัติธรรม โรงทาน สถานพยาบาล และอาคารที่พักของพระสงฆ์ สามเณร และผู้ปฏิบัติธรรมลักษณะค้างคืน 2) ปรับพื้นที่ในการสนองแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “สืบสาน รักษา และต่อยอด” แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา โดยดำริเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ และ 3) พื้นที่ต้นแบบ “เกษตรสมัยใหม่ที่ยั่งยืน” โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์

 

“ในโอกาสที่กระทรวงมหาดไทยได้รับการสถาปนาครบ 130 ปี จึงได้ร่วมเป็นเจ้าภาพการก่อสร้างอาคารศูนย์ปฏิบัติธรรมฯ 4 ชั้น เพื่อใช้เป็นที่พักของพระภิกษุ สามเณร สามารถรองรับพระภิกษุสามเณร จำนวน 100 รูป โดยประมาณการค่าวัสดุ ค่าก่อสร้าง ไว้ที่ 50 ล้านบาท ซึ่งพี่น้องศรัทธาสาธุชน สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ ด้วยการเช่าบูชาพระพุทธรูปประจำกระทรวงจำลอง และวัตถุมงคลราชสีห์ จำนวน 6 รายการ เป็นจำนวน 52,340 องค์ ได้แก่ 1) ราชสีห์ทองคำ จัดสร้าง 260 องค์ สำหรับผู้บริจาคเงิน 90,000 บาท 2) ราชสีห์เงิน จัดสร้าง 2,565 องค์ สำหรับผู้บริจาคเงิน 5,000 บาท 3) ราชสีห์รมดำ จัดสร้าง 25,650 องค์ สำหรับผู้บริจาคเงิน 500 บาท 4) ราชสีห์ใหญ่โลหะพิเศษ ขนาด 4 นิ้ว จัดสร้าง 2,565 องค์

 

สำหรับผู้บริจาคเงิน 10,000 บาท 5) พระพุทธมุนีศรีประชานาถ พระพุทธรูปประจำกระทรวงมหาดไทยจำลอง ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จัดสร้าง 1,300 องค์ สำหรับผู้บริจาคเงิน 13,000 บาท และ 6) เหรียญพระพุทธมุนีศรีประชานาถ และราชสีห์ 130 ปี กระทรวงมหาดไทย ขนาดเหรียญ 2.4 เซนติเมตร จัดสร้าง 20,000 เหรียญ สำหรับผู้บริจาคเงิน 130 บาท ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจวัตถุมงคล “ราชสีห์ทองคำ” สามารถร่วมบริจาคได้ที่ Line Official “ราชสีห์ 130 ปี มท.” ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือติดต่อสำนักงานที่ดินจังหวัด สำนักงานที่ดินจังหวัดสาขาทั่วประเทศ

 

สำหรับวัตถุมงคลรายการอื่นๆ ร่วมบริจาคผ่านไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ที่ ww.jubjaai.com ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป และจะจัดส่งวัตถุมงคลได้ในช่วงประมาณเดือนกันยายน 2565 ผ่านทางไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น แบบด่วนพิเศษ (EMS) เพื่อให้ผู้สั่งจองสามารถทราบข้อมูลในการสั่งจองและสามารถติดตามสถานการณ์จัดส่งสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สั่งจอง โดยที่ไม่ต้องเดินทางมารับด้วยตนเอง และมีการประกันภัยกรณีวัตถุมงคลสูญหาย หรือเสียหายอันเกิดจากการจัดส่ง” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ

 

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทย ขอเชิญชวนท่านผู้มีศรัทธาและสาธุชนทุกท่าน ร่วมอนุโมทนาบริจาคเงินบูชาวัตถุมงคลในวาระ 130 ปี การสถาปนากระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอขอบคุณ ท่านนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน และท่านณรงค์ สืบตระกูล ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ กรมที่ดิน รวมถึงคณะทำงานจัดสร้างทุกท่าน ที่ได้เป็นกำลังสำคัญในการริเริ่มมงคลกุศลอันเป็นการเสริมสร้างพลังแห่งกตเวทิตาคุณของชาวมหาดไทยและพุทธศาสนิกชน ในการเสริมสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันหลักของชาติ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความผาสุกของพี่น้องประชาชน ให้เกิดความสถาวร อันเป็นปณิธานที่มุ่งมั่นของคนมหาดไทย สืบมาตลอดระยะเวลา 130 ปี “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และมุ่งมั่นสร้างสรรค์กิจกรรมอันเป็นคุณประโยชน์ตลอดไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง