หนุ่มเวรเปลโผล่แจง แอบกดเงิน ป้ามาฟอกไต บอกถูกศาลเตี้ยตัดสินไปแล้ว

แอบกดเงิน จากกรณี น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ อายุ 54 ปี มาฟอกไตที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ แล้ววานให้เจ้าหน้าที่เวรเปลไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่ลูกโอนมาให้ 5,800 บาท เป็นค่าเดินทางกลับบ้าน แต่หนุ่มคนดังกล่าวเดินกลับมาบอกว่าเงินในบัญชีมีพันเดียว ภายหลังกลับพบว่าเงินหายไป 5 พันบาท ไปแจ้งความผ่านมา 5 วันคดียังไม่คืบหน้า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว ทั้งบ้านเหลือ87บาท! ป้าเดินไม่ได้น้ำตานองไปฟอกไตรพ. วานจนท.ไปกดเงินลูกโอนให้เจอแอบกด(คลิป)
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 24 เม.ย. นายธนิต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พนักงานเปลโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อม น.ส.สุวลักษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เป็นพนักงานในโรงพยาบาลเดียวกัน ได้ออกมาระบุหลัง นายธนิต ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเอาบัตรเอทีเอ็มของ น.ส.สุนันท์ ไปกดเงิน แล้วเงินหายไป 5,000 บาท
น.ส.สุวลักษณ์ กล่าวว่า หลังตกเป็นข่าว ครอบครัวตกเป็นจำเลยสังคมทันที ทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวน หรือหลักฐานการกระทำผิดของสามี ตนในฐานะที่ทำงานแผนกประชาสัมพันธ์ รู้สึกหมดกำลังใจ หลังเกิดเหตุไปพบพนักงานสอบสวนหลายครั้ง เพื่อให้เร่งคลี่คลายคดี และอยากจะวอนสังคมอย่าเพิ่งด่วนตัดสินแล้วมากล่าวโจมตี
ด้าน นายธนิต กล่าวว่า วันนั้นป้าสุนันท์ ให้ตนเอาบัตรไปกดที่ตู้เอทีเอ็มจริง โดยป้าระบุให้ไปกดเงิน 5,000 บาท โดยไปกดที่ตู้ของธนาคารไทยพาณิชย์ แบบกดด่วน โดยไม่ตรวจสอบยอดเงิน เมื่อกดเรียกเงิน 5,000 บาท ตู้ขึ้นข้อความว่า ยอดเงินในบัญชีไม่พอจ่าย จึงไปกดตู้ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งอยู่ข้างกัน
เมื่อตรวจสอบยอดเงินในบัญชี พบว่ามีเงินเหลือเพียง 1,097 บาท จึงเดินกลับไปหาป้าแจ้งว่า เงินมีเพียงพันเดียว จากนั้นลุงจึงเดินมาด้วยกันแล้วไปกดดูพบว่ามีเงินตามที่ตนแจ้ง จึงกดมา 1,000 บาท หักค่าทำเนียม 10 บาท เหลือเงินในบัญชี 87 บาท จากนั้นก็ไปทำงานตามปกติ
นายธนิต กล่าวต่อว่า ตอนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักทางด้านสังคม และกล้าสาบานได้ว่า ตนไม่ได้เอาเงินของป้าไป ถ้าเอาไปขอให้ครอบครัวไม่มีความสุข ให้มีอันเป็นไป จึงอยากจะวอนสังคมอย่าเพิ่งใช้ศาลเตี้ยตัดสิน และอยากวิงวอนให้ตำรวจ เร่งสืบหาข้อเท็จจริงให้เร็ว เพื่อคลี่คลายปัญหาครอบครัวอยากจะอยู่อย่างมีความสุข ทั้งนี้เงินที่หายไปตนไม่โทษใคร เท่าที่ทราบตู้เอทีเอ็มตู้นี้เคยมีปัญหามาแล้ว