"หมอมนูญ" เปิดข้อมูลใหม่ "สวมหน้ากากอนามัย" กันโควิด-19 ไม่100% แต่อาการจะไม่รุนแรง
“หมอมนูญ” เปิดข้อมูลใหม่ “สวมหน้ากากอนามัย” กันโควิด-19 ไม่100% แต่อาการจะไม่รุนแรง
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจ ประจำโรงพยาบาล (รพ.) วิชัยยุทธ โพสต์ข้อความลงเพจ “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” ว่า พบข้อมูลใหม่ว่าความรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อไวรัสที่หายใจเข้าไป การสวมหน้ากากอนามัยแม้ช่วยป้องกันโรคไม่ได้ 100% แต่จะช่วยลดปริมาณของเชื้อโรค ทำให้ความรุนแรงของโรคลดลง
ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวระบุว่า
ข้อมูลใหม่ ความรุนแรงของโรคไวรัสโควิด-19 ขึ้นกับปริมาณของอนุภาคเชื้อไวรัสที่หายใจเข้าไป การใส่หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ถึงจะไม่ 100% ก็ยังช่วยลดปริมาณของเชื้อโรค ทำให้ความรุนแรงของโรคลดลง
ปริมาณของเชื้อไวรัสเป็นตัวกำหนด คนรับเชื้อจะป่วยน้อยหรือป่วยหนัก การใส่หน้ากากอนามัยช่วยลดการหายใจปริมาณของเชื้อไวรัสที่เกาะอยู่บนละอองฝอย จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อ และลดความรุนแรงของโรคได้
มีการทดลองในคน โดยใช้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่พบว่า คนที่ได้รับเชื้อปริมาณมาก จะป่วยมากกว่าคนที่รับเชื้อปริมาณน้อย
ในสัตว์ทดลองหนูแฮมสเตอร์ hamster พบว่าการใช้หน้ากากกั้นระหว่างกรงสามารถลดการป่วยของหนูจากโรคไวรัสโควิด-19 และถึงป่วยก็ไม่ป่วยรุนแรง
หน้ากาก N95 กรองเชื้อไวรัสได้ 90-95% หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยกรองได้ 65-85% ถ้าทุกคนใส่ หน้ากากช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกาะบนละอองฝอย กระจายออกมาในอากาศ และหายใจเอาเชื้อเข้าไป (ดูรูป)
องค์การอนามัยโลกเพิ่งจะประกาศว่า ทุกคนควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ตั้งแต่คนทั่วโลกใส่หน้ากากอนามัยมากขึ้น คนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ พบเพิ่มขึ้นถึงประมาณร้อยละ 40 และอัตราการเสียชีวิตลดลง ถ้าคนทั่วโลกใส่หน้ากากมากกว่าร้อยละ 80 การระบาดของโรคอาจจะเริ่มลดลงภายในเวลา 2 เดือน
คนไทยให้ความร่วมมือใส่หน้ากากตั้งแต่เดือนมีนาคม ก่อนหน้าองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทุกคนใส่ ขอให้คนไทยทุกคนใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าต่อไป เวลาออกไปในที่สาธารณะ มีคนรวมตัวกันมาก ในที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่ดี ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เวลาพูด ไอ จาม ร้องเพลง เราใส่หน้ากากเพื่อเขา เขาใส่เพื่อเรา ทุกคนจะปลอดภัยจากการติดเชื้อ ถึงป่วยก็จะไม่ป่วยรุนแรง