7 ขั้นตอนดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ดันธุรกิจปังแน่ !
7 ขั้นตอนทำการตลาด ดันธุรกิจปัง !
นักการตลาด คือ ผู้ส่งมอบคุณค่าไปยังลูกค้าที่ต้องการโดยจะต้องคำนึงถึงผลกำไร เพราะเราไม่สามารถขายของให้กับทุกคน หรือคุยกับคนทุกคนบนโลกได้ เราต้องรู้ก่อนว่าจะนำ Digital Marketing มาใช้งานอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับการทำธุรกิจ
การทำการตลาดมีองค์ประกอบสำคัญหลายอย่าง
1. การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตลาดเพื่อระบุแนวโน้มของตลาดในปัจจุบัน รวมถึงเข้าใจว่าเทรนด์สินค้าใดที่กำลังเป็นที่ต้องการและสินค้าที่ควรหลีกเลี่ยง (Target Customer)
2. การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างชัดเจนจะช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าใจลักษณะเฉพาะและความพึงพอใจของลูกค้าได้ดี (Need)
3. การทำความเข้าใจลูกค้า (Inside) ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า
4. การส่งมอบคุณค่า (Value) นักการตลาดคือผู้ส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้า
5. การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า (Relationship)
6. นักการตลาดต้องใส่ผลกำไร (Profitable)
7. ความยั่งยืน (Sustainable) ธุรกิจต้องยืนอยู่ได้ด้วยกำไร (Profit) ลูกค้าประชาชนต้องอยู่ดีมีความสุข (People) และสุดท้าย โลก ธรรมชาติและสังคมที่อยู่อาศัย (Planet)
โดยทั้งหมดนี้ เป็นพื้นฐานการตลาดที่นักการตลาดควรทำความเข้าใจ เพื่อนำไปต่อยอดในการทำ Digital Marketing ได้ง่ายขึ้น
เผยเคล็ดลับแบรนด์น้องใหม่ที่แบรนด์ใหญ่ไม่กล้าชน
เมื่อเราเริ่มมีแบรนด์และมีสินค้าเป็นของตัวเอง เราอาจต้องแข่งขันกับผู้ผลิตแบรนด์ใหญ่ในการทำการตลาด ทำให้แบรนด์เล็กไม่ได้เป็นเพียงพ่อค้าและแม่ค้าอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นบริษัทที่มีตราสินค้า จากผลสำรวจพบว่าลูกค้าบางส่วนจะเลือกสินค้าจากแบรนด์เล็กที่ไม่เป็นที่รู้จัก แต่มีความน่าสนใจ ซึ่งมีเคล็ดลับที่จะช่วยให้แบรนด์เล็กมีความน่าสนใจและสามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้
Branding ไม่ได้มีความหมายแค่โลโก้กับแพ็คเกจจิ้งเท่านั้น แต่เป็นประสบการณ์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เน้นไปที่ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล ลูกค้าจึงพร้อมจะเปิดใจให้กับแบรนด์ใหม่ ๆ ที่มีขนาดเล็ก เราต้องหาให้เจอว่าแบรนด์ใหญ่นั้นต้องการนำเสนออะไร หากเราสู้ด้วยตัวเงินไม่ได้เราก็ยังสามารถสู้ด้วยแรงกายหรือประสบการณ์อื่น ๆ ที่สร้างความประทับใจได้ เราอาจเรียกสิ่งนี้ว่าความมั่นคง ยิ่งมีความมั่นคงก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ นอกจากการแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ด้วย Target เดียวกันแล้ว ยังมีการแข่งขันแบบ Blue Ocean หรือการหาตลาดใหม่ ๆ ที่แบรนด์ใหญ่ไม่กล้าลงมาแข่งด้วย เพราะมีความเสี่ยงในการแข่งขัน
แชร์เคล็ดลับ LIVE สด ไลฟ์ยังไงให้ได้ขายดี ?
การ Live สดขายของเป็นวิธีการหนึ่งในการส่งมอบคุณค่าและสื่อสารกับลูกค้า จึงต้องเลือกวิธีการและช่องทางที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า โดยเลือกใช้วิธีการที่เข้ากับตัวตนของแบรนด์ แล้วหาเหตุผลว่าทำไมลูกค้าจึงต้องมาดู Live เพื่อซื้อสินค้ากับเราแทนที่จะเป็นร้านคู่แข่ง ด้วยการพูดถึงข้อดีในด้านการบริการ ราคา และการขนส่งที่รวดเร็วกว่า การ Live ครั้งแรกอาจจะมีคนดูไม่มาก แต่ต้องสร้างปฎิสัมพันธ์กับคนจำนวนนั้นให้อยู่กับเรา
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระบบอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มที่ใช้ Live ด้วย เมื่อระบบมีการปล่อย Live ออกไปแล้วยังไม่ค่อยมีคนสนใจ ก็จะทำให้เกิดการปิดกั้นการมองเห็น แต่ในขณะเดียวกันถ้าคลิปที่ Live เกิดไวรัลก็จะทำให้เกิดความนิยมมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการมองเห็นอีกครั้ง เพราะระบบเข้าใจว่า Live ของเราได้รับความสนใจ และถูกวัดเป็น Performance ที่ดี มี Engagement ที่ดี ส่งผลให้เกิด Reach มากขึ้น ดังนั้นจะเห็นว่าการที่เราสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบอัลกอริทึมของการ Live จะช่วยให้เราเปลี่ยนยอดคนดูเป็นยอดขายได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจลูกค้าและความต้องการของลูกค้า รวมถึงการมองเห็นความแตกต่างก็จะช่วยกระตุ้นให้สินค้ามีจุดเด่น และตอบได้ว่าทำไมลูกค้าจึงต้องมาซื้อสินค้าของเรา
ทำโฆษณาออนไลน์ จ้าง Digital Agency คุ้มไหม?
หากเราไม่มีความรู้เรื่องการตลาด การจ้างเอเจนซีที่เก่งเรื่องการทำแบรนด์และการสื่อสารมาก็เหมือนเป็นการจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาช่วยงาน โดยไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง เพราะคำว่า Digital Marketing นั้นค่อนข้างกว้าง มีตั้งแต่การทำอีคอมเมิร์ซ การทำเว็บไซต์ การทำ SEO ขายของออนไลน์ จึงเป็นการช่วยประหยัดเวลา ทำงานได้อย่างเชี่ยวชาญ และเกิดมุมมองใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจ แต่การจ้างเอเจนซีด้านการตลาด เราจะต้องพิจารณาถึงความจำเป็นในการจ้างโดยย้อนกลับมาดูที่กลยุทธ์ด้านการตลาดของเราว่าคืออะไร ต้องการเติบโตไปในทิศทางไหน กลุ่มเป้าหมายมีความต้องการอย่างไร คู่แข่งของเราเป็นใคร และสถานการณ์เป็นอย่างไร เมื่อรู้ทิศทางแล้วก็จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรจ้างเอเจนซีหรือไม่
การจ้าง Digital Agency มาช่วยสร้างแบรนด์เพื่อทำการตลาด จะช่วยให้แบรนด์เป็นที่รับรู้ของผู้บริโภคอยู่เสมอ เพราะจะช่วยให้คนนึกถึงแบรนด์เราเป็นอันดับแรก เมื่อผู้บริโภคมองเห็นสินค้าของเราก็จะเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์ โดยการคัดเลือกเอเจนซีนั้นมีหลักการ 3F (Fit Fact Feeling) มาช่วยในการตัดสินใจ โดยพิจารณาจากความเหมาะสม ผลงานจริงที่เคยทำมาในอดีต และความรู้สึกถึงการทำงานร่วมกันได้ จึงจะทำให้การทำงานร่วมกับเอเจนซีราบรื่นและประสบผลสำเร็จ