รีเซต

ตร.ปรับ บิ๊กตู่ไม่สวมแมสก์ 6 พันถึงทำเนียบ กทม.เข้ม ผู้ประกาศในสตูดิโอก็ต้องใส่แมสก์

ตร.ปรับ บิ๊กตู่ไม่สวมแมสก์ 6 พันถึงทำเนียบ กทม.เข้ม ผู้ประกาศในสตูดิโอก็ต้องใส่แมสก์
มติชน
27 เมษายน 2564 ( 08:23 )
66

เมื่อวันที่ 27 เมษายน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา กรณีมีภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยระหว่างการประชุมทีมที่ปรึกษาเกี่ยวกับการจัดหาและการกระจายวัคซีน เมื่อวันที่ 26 เม.ย. เวลาประมาณ 11.00 น. ณ ห้องประชุมสีเขียว ทำเนียบรัฐบาลนั้น หลังจากการประชุม นายกรัฐมนตรีได้แจ้งมายังผมให้ตรวจสอบว่ากรณีดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่ ผมจึงได้แจ้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก เป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558

 

 

ซึ่งความผิดดังกล่าว พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ ตามระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบ พ.ศ.2563 โดยมีอัตราการเปรียบเทียบปรับตามบัญชีท้าย เป็นจำนวนเงิน 6,000 บาท ต่อมา ผม พร้อมด้วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต จึงเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้กล่าวหาในฐานความผิดดังกล่าว นายกรัฐมนตรียินยอมให้เปรียบเทียบปรับ จึงได้ให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เปรียบเทียบปรับตามอัตราดังกล่าว

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เฟซบุ๊ก พล.อ.ประยุทธ์ได้โพสต์การประชุมในช่วงเช้าและมีภาพ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สวมหน้ากากอนามัย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ และต่อมาเพจดังกล่าวได้ลบโพสต์ และโพสต์ข้อความใหม่ โดยไม่มีรูปที่มีปัญหาในเพจอีก

 

 

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษกอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีการมีคำสั่งให้ประชาชนในพื้นที่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักของตน หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ สรุปได้ว่าทุกจังหวัดประกาศแล้วต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออกจากบ้านอย่างถูกต้องหรือถูกวิธี ฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกินสองหมื่นบาท เจตนารมณ์ ของกฎหมายที่รองรับคำสั่งคือป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจึงต้องสวมให้ถูกต้องไม่ใช่เพื่อป้องกันถูกจับปรับไม่เกิน 20,000บาท เท่านั้น หน้ากากจึงมีไว้เพื่อป้องกันตัวท่านเองไม่ให้ติดเชื้อโควิด ไม่ใช่มีไว้เพื่อป้องกันตำรวจจับ หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามถือว่ามีความผิดตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2554 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

 

 

“อัยการจึงขอให้ปฏิบัติตามประกาศในทุกจังหวัดโดยเคร่งครัดออกจากบ้านใส่หน้ากากทันที ท่านประเสริฐ วัฒนเสรีกุล อธิบดีอัยการภาค 8 ได้ส่ง บันทึกคำฟ้องคำรับสารภาพ คำพิพากษาศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ศาลท่านได้ระบุกฎหมายครบถ้วนทุกฉบับทุกมาตราให้ดูเป็นตัวอย่าง แม้ศาลใช้ดุลพินิจปรับ 4 พันบาท รับสารภาพลดครึ่งเหลือ 2 พันบาท แต่ในจังหวัดอื่นๆ ศาลท่านก็ใช้ดุลพินิจลงโทษตามความเหมาะสมในพฤติการณ์แห่งคดี หากมีพฤติการณ์ไม่ยอมใส่หน้ากากแบบท้าทายกฎหมาย ศาลอาจใช้ดุลพินิจลงโทษหนักกว่านี้ได้ อัตราโทษปรับอย่างสูงไม่เกิน 2 หมื่นบาท” นายโกศลวัฒน์กล่าว

 

 

นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตามที่ประชาชนมีข้อสงสัยการบังคับให้สวมหน้ากาก ตามประกาศกรุงเทพมหานคร กรณีที่อยู่ในรถ เมื่อมีบุคคลอื่นร่วมอยู่ในรถต้องสวมหน้ากากอนามัย ไม่ยกเว้นแม้เป็นครอบครัวเดียวกัน กรณีนั่งคนเดียวอนุโลมไม่ต้องสวมหน้ากาก กรณีผู้ประกาศข่าว/จัดรายการในสตูดิโอ เนื่องจากสตูดิโอถือว่าเป็นสถานที่นอกเคหสถานและสถานที่พำนัก มีผู้ปฏิบัติงานรวมกันมากกว่า 1 คน เป็นห้องปิด ผู้ประกาศขณะอ่านข่าวหรือจัดรายการจึงอยูในเกณฑ์ที่ต้องสวมหน้ากาก กรณีเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้สวมหน้ากาก เพราะเด็กยังไม่รู้วิธีที่จะถอดหน้ากากออกและอาจขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ จึงเข้าข่ายอนุโลมไม่ต้องสวมหน้ากาก แต่ให้หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปในสถานที่แออัด หรือพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง