รีเซต

'ชัชชาติ' วอน อย่าเทียบ 'นายกฯ' ปลื้ม ขรก.ขยับไว ขออย่าเป็นไฟไหม้ฟาง ยันลงพื้นที่ไม่มีจับผิด

'ชัชชาติ' วอน อย่าเทียบ 'นายกฯ' ปลื้ม ขรก.ขยับไว ขออย่าเป็นไฟไหม้ฟาง ยันลงพื้นที่ไม่มีจับผิด
มติชน
31 พฤษภาคม 2565 ( 19:02 )
105
'ชัชชาติ' วอน อย่าเทียบ 'นายกฯ' ปลื้ม ขรก.ขยับไว ขออย่าเป็นไฟไหม้ฟาง ยันลงพื้นที่ไม่มีจับผิด

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 31 พฤษภาคม ที่ศาลาว่าการกทม. 2 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ภายหลัง กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ว่า วันนี้มาลงพื้นที่เขตดินแดงพร้อมกับว่าที่ ส.ก.จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาดูพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด และมาดูเรื่องการปรับปรุงด้านสุขอนามัย

 

ขอบคุณทุกเสียง เจ้าหน้าที่ ‘ขยับไว’ นิมิตหมายดี

นายชัชชาติ กล่าวว่า ขอบพระคุณประชาชนทุกท่าน สำหรับทุกคะแนนเสียงที่ให้มา และทุกคะแนนเสียงที่ไม่ได้ให้ด้วย ถือว่าตนเป็นตัวแทนของ 31 คนที่ลงสมัคร พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปแล้ว เมื่อ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ก็ขอให้เดินไปด้วยกัน เพราะเราจะเป็นผู้ว่าฯของทุกคน ดูแลทุกคนเหมือนกันไม่ว่าจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างไร อย่างไรก็ตาม ช่วง 5 วันที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์ทีดีมากว่ากรุงเทพมีความหวัง เราเดินไปด้วยกัน ไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย ไปทุกที่ทุกพรรคการเมืองเดินไปด้วยกันไม่ว่าจะเป็น พปชร. เพื่อไทย (พท.) ก้าวไกล (ก.ก.) ประชาธิปัตย์ (ปชป.) เราเชิญทุกท่านมาอย่างยินดี ประชาชนไม่ได้สนใจเลยว่าท่านอยู่พรรคไหน แต่ประชาชนต้องการชีวิตที่ดีขึ้น เมืองที่มีความหวังขึ้น นี่คือก้าวต่อไปที่สำคัญ

 

“ผมดีใจอย่างหนึ่งว่า นโยบายที่เราเขียนไว้หลายๆข้อ ทางราชการ และเจ้าหน้าที่ของกทม.ก็เอาไปทำเลย อาทิตย์ที่แล้วก็เริ่มขยับแล้ว แม้เราจะยังไม่ได้เข้าไปทำงานเลยก็ตาม ผมว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน โดยอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ที่มีพลัง จากการร่วมมือกันของทุกคน” นายชัชชาติกล่าว

 

 

5 วัน ‘ส่งสัญญาณ’ ต้องดูแลประชาชน อย่ารอผู้ว่าฯ 

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เดินมา 5 วัน ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว หลังจากนี้เมื่อเป็นผู้ว่าฯกทม.อย่างเป็นทางการแล้วปัญหาจะหมดไปเลยหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ที่เราลงไปเดิน เหมือนเราไปดูปัญหาเป็นจุดๆ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ที่เราไปเดินคือการส่งสัญญาณว่า ทุกคนต้องลงมาดูประชาชน เราอาจจะไปดูการก่อสร้างที่เดอะมอล์ท่าพระ แต่ความหมายคือ การก่อสร้างทุกจุดต้องได้รับการแก้ไข ไม่ต้องรอให้ผู้ว่าฯลงไปแก้ เป็นต้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเราเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้

 

เมื่อถามว่า จะเข้าไปทำงานที่ศาลาว่าการ กทม.เมื่อใด นายชัชชาติ กล่าวว่า เข้าใจว่าต้องเข้าไปรับใบรับรองพรุ่งนี้ (1 มิถุนายน) เวลา 11.00 น. ส่วนเวลา 13.00 น. ไปทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

ยิ่งถูกตรวจสอบ ยิ่งสง่างาม ขอบคุณศรีสุวรรณ-กกต.

เมื่อถามว่ากังวลกับการตรวจสอบหลังการรับรองหรือไม่ เพราะนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ยังดำเนินการตรวจสอบ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราเรามั่นใจในทีมกฎหมายเรา และต้องขอบคุณทุกท่านที่ตรวจสอบ เพราะทำให้เรายิ่งสง่างามขึ้นด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้มีการตรวจสอบแล้ว ไม่มีการซูเอี๋ยกัน ทั้งนี้ ต้องขอบคุณนายศรีสุวรรณ และกกต. ที่ดำเนินการตามขั้นตอน ก็ขอให้ทุกอย่างเดินไปตามกระบวนการ ไม่เร่งรัด ไม่กดดัน

 

เมื่อถามย้ำว่า แบบนี้จะมีผลต่อการทำงานหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่มีหรอก ยิ่งตรวจสอบ เราก็ยิ่งมีความชอบธรรมมากขึ้น นี่คือความสวยงาม ดีกว่าไม่มีการตรวจสอบ ทั้งนี้ ต้องดูให้ทั่วถึงด้วย เพราะมีหลายเรื่องที่ควรจะตรวจสอบแต่ไม่มีการตรวจสอบ แต่เมื่อมีคนตรวจสอบเรา เราก็ดีใจ ซึ่งที่ผ่านมาตนให้เกียรติกกต. และไม่เคยเร่งรัดเลย เพราะเราถือว่าเรายินดี และพร้อมที่จะให้ตรวจสอบ

 

เมื่อถามว่า มีข้อกฎหมายที่ระบุว่าหากมีการร้องเรียนที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์อาจเข้าข่ายเป็นการกลั่นแล้ง นายชัชชาติ กล่าวว่า ตรงนี้ตนต้องถามนักกฎหมายก่อน และต้องดูความเหมาะสมอีกทีหนึ่งด้วย ตนไม่ได้มองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ไม่เป็นไร เพราะนายศรีวุวรรณก็ทำหน้าที่ตรวจสอบมานานแล้ว ทำใจร่มๆ แล้วมองไปที่อนาคต

 

 

 

จ่อเปิดตัว 3 ทีม พร้อมทำงานเต็มที่ ขอประชาชนมั่นใจ

เมื่อถามว่า จะเปิดทีมทำงานเมื่อใด นายชัชชาติ กล่าวว่า พรุ่งนี้ (1 มิถุนายน) น่าจะเปิดได้ แบบเต็มทีมเลย แต่คร่าวๆจะมี 3 ทีม คือทีมรองผู้ว่าฯและเลขา ทีมที่ปรึกษาด้านการเมือง และทีมที่ปรึกษาด้านเทคนิค ซึ่งทีมที่ปรึกษาด้านเทคนิคนี้อาจจะไม่ได้รับการเมืองหรืออะไร แต่เป็นทีมที่เราปรึกษามาตลอด ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเรามีทีมที่พร้อมทำงานเต็มที่ ทั้งนี้ คิดว่ามีชื่อ อาจารย์ทวิดา กมลเวชช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย

 

เมื่อถามว่า เมื่อเข้าไปทำงานที่ศาลาว่าการกทม. สิ่งแรกที่จะทำคืออะไร นายชัชชาติ กล่าวว่า คงมีขั้นตอนการไหว้ศาล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจะเรียกผู้บริหารมาคุย คือต้องคุยกับคนที่รายงานตรงกับเราก่อน เช่น ปลัด รองปลัด ทั้งนี้ ตนอยากฟังความเห็นท่านด้วยว่าคิดเห็นอย่างไรกับนโยบายของเราทั้ง 214 เรื่อง อยากให้ปรับปรุงตรงไหนหรือไม่ เพราะเราต้องการเอาข้าราชการทั้งหมดมาเป็นส่วนร่วมของคำตอบ ไม่ใช่เราเอาคำตอบไปยัดให้เขา

 

“เราต้องฟังเยอะๆ แล้วทำเคพีไอ หรือจุดชี้วัดของแต่ละแผน อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่านโยบายที่หสเสียงไปจะสามารถทำได้ทั้งหมด ซึ่งหลายๆข้อทำไปแล้ว ตนเห็นความร่วมมือแบบประทับใจ นอกจากนี้ หลังจากมีการเปิด ทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue) มีคนแจ้งปัญหาเข้ามาจำนวนมาก และก็มีเขตเข้ามาติดต่อเอาปัญหาเหล่านี้ไปดำเนินการแล้ว 5-6 เขต ทั้งที่เรายังไม่ได้เข้าไปทำงานเลย นี่คือความกระตือรือร้นของเขต ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมก็เอานโยบายของเราไปดูว่าอะไรที่จะทำงานร่วมกันได้ ตนว่าอันนี้ดี นี่คือมิติใหม่ของการทำงานการเมือง ซึ่งเราไม่ได้เห็นแบบนี้มานานแล้ว ผมว่าทุกคนมีความหวัง และประชาชนพร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม ขออย่าทำงานแบบเป็นไฟไหม้ฟาง ขอให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง การทำงานเป็นเรื่องที่ดี จะทำก่อนทำหลังก็ขอให้ทำ แต่ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง ลงไปฟังประชาชน แล้วจะได้คำตอบกลับมาว่าจะต้องทำอะไรเพิ่ม ซึ่งตรงนี้ตนคิดว่าประชาชนเองก็ดีใจที่เขตลงไปทำ อดีตอย่าไปสนใจ ต่อจากนี้ไปขอให้ทำให้ดีขึ้น” นายชัชชาติกล่าว

 

 

ย้ำ ‘ไม่ได้จับผิด’ ข้าราชการ หวังประสานเป็นเนื้อเดียว

เมื่อถามว่า กลายเป็นผู้อำนวยการเขตแต่ละเขตแอคทีฟมากขึ้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนไม่ได้โทษท่าน เพราะขึ้นอยู่กับนโยบายว่าเราให้อย่างไร เชื่อว่าถ้าเราอยู่ข้างหลังคอยแบ็กอัพให้ทุกคนทำได้ เพราะทุกคนเก่งอยู่แล้ว ซึ่งจากการลงพื้นที่ สิ่งที่ยังเป็นปัญหาคือความร่วมใจกันของหลายหน่วยงาน เพราะการทำงานไม่ได้มีแค่ผอ.เขตคนเดียว แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่ เอกชน ผู้รับเหมา ฯลฯ ผอ.เขตต้องทำงานประสานให้ทุกคนทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนที่ลงพื้นที่เราไม่ได้ลงเพื่อให้คนมาเดินตาม ไม่ได้ลงไปจับผิด แต่ลงไปดูปัญหาแต่ละพื้นที่ หลังจาก กกต.รับรอง ก็ต้องนั่งพูดคุยกับข้าราชการเพื่อดูแผนงาน และปรับโครงสร้างภายใน

 

เมื่อถามถึงความในใจตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม. นายชัชชาติ กล่าวว่า เป็นการเดินทางที่ยาวไกล แต่เป็นแค่จุดเริ่มต้น ก้าวต่อจากนี้ก็อีกยาว 4 ปี ก็หวังว่าจะมีคนเดินไปกับเราเยอะขึ้นๆ เห็นต่างกันได้ แต่อย่าทะเลาะ อย่าโกรธ อย่าเกลียดกัน ตนว่าหลายคนที่เมื่อก่อนเคียเกลียดเราก็เริ่มให้โอกาสเรา ตนว่าเป็นสิ่งที่ดี พอผ่านเลือกตั้งมาแล้ว ประชาชนเลือกเรามาแล้วก็เริ่มไปด้วยกัน

 

วอนอย่าเทียบ ‘นายกฯ’ ขอ ทำงาน ทำงาน ทำงาน 

เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ท่านอื่นขอเข้ามาทำงานด้วย นายชัชชาติ กล่าวว่า ดีเลย เราก็ยินดี แต่คงไม่ได้มามีตำแหน่งอะไร เพราะตำแหน่งเป็นเรื่องของรายละเอียด แต่เรายินดีที่จะรับฟังทุกคำแนะนำ

 

เมื่อถามว่า มีคนเอาการทำงานของท่านไปเปรียบเทียบกับนายกฯ นายชัชชาติ กล่าวว่า อย่าเอาไปเปรียบกัน อย่าเอาไปเปรียบแบบนั้น อยู่ ครม.ก็ครม. ตนว่าแต่ละคนมีอุสรรคต่างกัน เปรียบเทียบกันไม่ได้ แบบนั้นไม่ค่อยสร้างสรรค์ เราดูของเราเป็นหลัก ท่านกับเราทำงานคนละรูปแบบกัน

 

“ขอบคุณที่ไว้วางใจเรา และจะไม่ทำให้ผิดหวัง ถ้าพูดกับตัวเองก็ 3 คำ ทำงาน ทำงาน ทำงาน วันนี้เมืองต้องน่าอยู่ขึ้น เราเน้นเส้นเลือดฝอย เน้นดูชุมชนแบบละเอียด ซึ่งต้องมาทำตัวชี้วัดพื้นฐานก่อนว่าก้าวหน้า หรือถดถอยตรงไหนบ้าง และต้องมีตัวอ้างอิง และคิดว่ามาแรกๆต้องเชิญองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นเข้ามาคุยกัน คาดว่าน่าจะวันที่ 1-2 พฤษภาคมนี้ เพราะคิดว่าเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้จริงๆ และคิดว่าถ้าเราเริ่มต้องเริ่มด้วยหลักที่ดี หลายๆโครงการที่เราเข้าไปดูคิดว่าถ้าได้องค์กรต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นเขาไปดูเป็นภาคีเครือข่าย ก็จะทำให้ประชาชนมั่นใจในข้อมูลเรามากขึ้น เช่น เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ขยะ เทศกิจ ฯลฯ ถ้ามีคนกลางเข้ามาดู จะช่วยทำให้เรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เรามี 9 ได้ 9 ดี ดูตั้งแต่เรื่องความปลอดภัย การเดินทาง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ฯลฯ พลังวันนี้เต็มเปี่ยม ต้องขอบคุณ เหมือนประชาชนสั่งให้เราทำงาน เราก็ต้องทำงานตามคำสั่งของประชาชน จังหวะนี้เป็นจังหวะที่ดีที่เราจะมาร่วมกัน โดยไม่ต้องแบ่งว่าเป็นฝ่ายไหน แล้วก้าวไปด้วยกัน อย่างน้อยถ้าท้องถิ่นดี โดยอาจจะเริ่มที่กรุงเทพก่อน เชื่อว่าจะขยายไปที่อื่นได้” นายชัชชาติ กล่าว

 

พร้อมฟัง ‘คำติ’ มีค่าไม่น้อยกว่าคำชม แต่อย่าใช้อารมณ์โกรธเกลียด-เคียดแค้น

นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า เรายินดีรับฟังทุกคำ ตนคิดว่าคำติก็มีค่าไม่น้อยกว่าคำชม เพราะมันเหมือนกระจกสะท้อนเรา ถ้ามีแต่คำชมอย่างเดียว ฟังแต่คนที่ชมเรา สุดท้ายเราก็จะมีแต่ทำผิดเยอะแยะเลย เราอยากจะได้คำติที่มาจากใจ ไม่ใช่มาจากอารมณ์ คำติที่มาจากเหตุผล ตนคิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราไปถูกทางมากขึ้น ก็ยินดีถ้าพี่น้องประชาชนเห็นว่าเราทำอะไรไม่ถูก แต่ขอให้ใช้เหตุผล อย่าใช้อารมณ์ อย่าไปเอาความเกลียด ความโกรธ หรือความแค้น มาเป็นตัวตำหนิเรา ลองดูเนื้อหาที่ตำหนิเรา เราพร้อมที่จะปรับปรุงตัวทุกอย่าง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง