เปรียบเทียบเทคโนโลยี AR vs VR มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ปัจจุบันเทคโนโลยีการแสดงผลมีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและเริ่มเป็นไปในแนวทางของการแสดงผลภาพในมุมมอง 3 มิติ ที่มีความสมจริงแทนการแสดงผลแบบ 2 แบบในอดีต เทคโนโลยี AR และ VR กลายเป็นดาวเด่นที่เริ่มมีการพัฒนาและถูกใช้งานรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น แม้จะเป็นการแสดงภาพ 3 มิติที่ถูกสร้างจากคอมพิวเตอร์เหมือนกันแต่ในรายละเอียดนั้นเทคโนโลยี AR และ VR ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่
AR เทคโนโลยีความจริงเสริม (Augmented Reality)
เทคโนโลยีการแสดงผลแบบ AR ถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงปี 1992 เป็นการผสานรูปแบบการแสดงผลคอมพิวเตอร์ 3 มิติ เข้ากับสภาพแวดล้อมจริง ๆ ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เช่น การแสดงภาพตัวการ์ตูน 3 มิติ ซ้อนทับบนภาพจริงบนหน้าจอผู้ใช้อุปกรณ์สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับเทคโนโลยี AR นอกจากแสดงผลภาพอย่างเดียวยังสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ผ่านฟีเจอร์การทำงานต่าง ๆ ที่นักออกแบบพัฒนาใส่ไว้ในโปรแกรม
ข้อจำกัดของเทคโนโลยี AR คือ มุมมองการใช้งานที่แสดงผลได้เฉพาะในกรอบของหน้าจออุปกรณ์สมาร์ตโฟนเท่านั้น เทคโนโลยีนี้ยังมีข้อจำกัดในด้านของความสามารถในการแสดงผลกราฟิกของอุปกรณ์ที่ไม่เท่ากันส่งผลให้รูปภาพมีความคมชัดแตกต่างกัน แม้ว่าในด้านการใช้งานเทคโนโลยี AR สามารถใช้งานได้ง่ายมากกว่าเทคโนโลยี VR
VR เทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Reality)
เทคโนโลยีการแสดงผลแบบ VR หรือการแสดงผลในรูปแบบเสมือนจริง ผู้ใช้งานต้องสวมใส่แว่นตา VR ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อการแสดงผลในรูปแบบ 360 องศา โดยการแสดงผลสามารถทำได้ทั้งภาพถ่ายจริงและภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ 3 มิติ
ปัจจุบันเทคโนโลยี VR ได้รับการถูกพูดถึงอีกครั้งหลังจากการเข้ามาของเทรนด์ Metaverse การสร้างโลกเสมือนจริงที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อสื่อสารผ่านร่างอวตาลที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ 3 มิติ
อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี VR ยังคงมีข้อจำกัดทั้งในด้านของการสร้างโลกเสมือนจริงที่จำเป็นต้องใช้ทีมงานจำนวนมากสร้างโลกเสมือนจริงที่มีรายละเอียดครบถ้วนในรูปแบบคอมพิวเตอร์ 3 มิติ แม้ในระยะหลังมานี้เริ่มมีการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ AI เข้ามาช่วยสร้างโลกเสมือนจริงแทนการใช้มนุษย์ขึ้นรูปโมเดลจำลอง 3 มิติ
ที่มาของข้อมูล noobie.com
ที่มาของรูปภาพ pixabay.com