ชาวอเมริกันจำนวนมหาศาลประท้วงขับไล่ทรัมป์ทั่วประเทศ

ผู้คนหลายพันคนออกมาเดินขบวนบนท้องถนนทั่วสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (19 เม.ย.) เพื่อประท้วงการกระทำล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากกรณีขึ้นภาษีตอบโต้หลายสิบประเทศทั่วโลก
การชุมนุมดังกล่าวซึ่งรู้จักกันในชื่อ ‘50501’ ย่อมาจาก ‘การประท้วง 50 ครั้ง 50 รัฐ 1 ขบวนการ’ มีจุดประสงค์เพื่อให้ตรงกับวาระครบรอบ 250 ปีของการเริ่มต้นสงครามปฏิวัติอเมริกา การประท้วงทางการเมืองกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นในสหรัฐฯ โดยการชุมนุม ‘Hands Off’ ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนเมษายนดึงดูดฝูงชนจำนวนมาก ขณะที่ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าความนิยมของทรัมป์กำลังลดลง
ที่รัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ฝูงชนที่ชุมนุมที่บริเวณห้องสมุดสาธารณะรัฐนิวยอร์ก ร่วมกันตะโกนสโลแกนการประท้วง ทั้งคำว่า ‘ไม่เกรงกลัว’ ‘ไม่เกลียดชัง’ และ ‘ไม่มีสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ’ หรือ ไอซีอี ในรัฐของพวกเรา ก่อนเคลื่อนขบวนการชุมนุมไปตามถนนหลายสายในย่านแมนฮัตตัน พร้อมชูป้ายประท้วงและโบกธงชาติสหรัฐฯ ไปตลอดทางท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม
การประท้วงลักษณะเดียวกันนี้ ยังจัดขึ้นในอีกหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ และเป็นการชุมนุมประท้วงต่อต้านทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 2 นับแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมประท้วงในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ชาวอเมริกันหร่วมเดินขบวนแสดงพลังงานต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไล่ตั้งแต่ เรื่องการเนรเทศส่งกลับผู้อพยพ การปลดพนักงานของรัฐ รวมทั้ง สงครามในฉนวนกาซ่าและยูเครน
ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้ประท้วงร่วมกันชูป้ายประท้วงที่ด้านนอกทำเนียบขาว และตะโกนไล่ให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ออกจากอำนาจไปโดยทันที ระหว่างนี้ผู้ประท้วงบางคนยังตะโกนถ้อยคำสนับสนุนกลุ่มผู้อพยพที่ถูกรัฐบาลของทรัมป์เนรเทศหรือกำลังพยายามจะเนรเทศพร้อมกับแสดงจุดยืนอยู่เคียงข้างผู้ที่ถูกรัฐบาลกลางปลดจากงาน และมหาวิทยาลัยที่ถูกทรัมป์ขู่ตัดงบสนับสนุนการศึกษา
การสำรวจความคิดเห็น ล่าสุดจาก Gallup แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง 45% เห็นด้วยกับการปฏิบัติงานของทรัมป์ในช่วงไตรมาสแรกของการดำรงตำแหน่ง ซึ่งมากกว่า 41% ที่เห็นด้วยในช่วงเวลาเดียวกันของการดำรงตำแหน่งของรัฐบาลชุดแรกของเขา
อย่างไรก็ตาม คะแนนความนิยมของทรัมป์ในไตรมาสแรกนั้นต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ย 60% สำหรับประธานาธิบดีทั้งหมดที่ได้รับการเลือกตั้งระหว่างปี 1952-2020 และดูเหมือนว่าความนิยมของทรัมป์จะค่อย ๆ ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม คะแนนความนิยมของเขาอยู่ที่ 47%
คะแนนนิยมของเขาในการสำรวจล่าสุดของ Reuters/Ipsos ลดลงมาอยู่ที่ 43% จาก 47% ในวันเข้ารับตำแหน่ง ในการสำรวจเดียวกันนี้ มีเพียง 37% เท่านั้นที่เห็นด้วยกับผลงานด้านเศรษฐกิจของเขา เมื่อเทียบกับ 42% ในพิธีเข้ารับตำแหน่ง