ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกอาคารรัฐสภาค้านรับรองชัยชนะโจ ไบเดน
![ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกอาคารรัฐสภาค้านรับรองชัยชนะโจ ไบเดน](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/07/22/e64c6b70-cbf7-11ea-a262-bbeca60bd8c4_original.jpg)
![ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกอาคารรัฐสภาค้านรับรองชัยชนะโจ ไบเดน](https://cms.dmpcdn.com/news/2021/01/07/1abfa670-5077-11eb-89e4-35f1a97d3869_original.jpg)
ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปรวมตัวกันก่อนจะบุกเข้าไปยังอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อช่วงบ่ายวันพุธ (6 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงวอชิงตัน ในขณะที่สมาชิกรัฐสภากำลังประชุมเพื่อรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดน ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ จนทำให้ต้องยุติการประชุมและปิดอาคารรัฐสภา
ผู้ชุมนุมร้องตะโกน คำว่า "เราต้องการทรัมป์" กึกก้องทางเดินในอาคารรัฐสภา ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวสมาชิกรัฐสภาและสื่อมวลชนไปยังบริเวณที่ไม่มีการเปิดเผย
ในเวลาเดียวกันก็มีการเสริมกำลังจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเพื่อควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนายทรัมป์ กล่าวต่อหน้าผู้สนับสนุนหลายพันคนที่ร่วมเดินขบวนในกรุงวอชิงตันก่อนหน้านี้ว่า "เราจะไม่ยอมแพ้" แม้คณะผู้เลือกตั้งได้ลงคะแนนเสียงยอมรับว่านายไบเดน คือผู้ชนะการเลือกตั้งแล้วก็ตาม
ก่อนหน้านี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันพยายามหาทางพลิกผลการเลือกตั้งในบางรัฐ แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะให้ทำเช่นนั้นได้ ขณะที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ในฐานะประธานวุฒิสภาและเป็นผู้ทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร และจะเป็นผู้ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งของคณะผู้เลือกตั้ง ยืนยันว่าเขาจะไม่ยับยั้งการรับรองว่านายไบเดนเป็นผู้ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี แม้ว่าจะมีการร้องขอจากนายทรัมป์ก็ตาม
ไบเดนชี้ผู้ชุมนุมก่อจลาจล
ในระหว่างเกิดเหตุการณ์ นายไบเดน ได้ออกมากล่าวเรียกร้องให้นายทรัมป์ "ทำตามคำสัตย์ปฏิญาณที่ให้ไว้และปกป้องประชาธิปไตยด้วยการทำให้การชุมนุมยุติลง"
"การโจมตีอาคารรัฐสภาไม่ใช่การชุมนุมเรียกร้อง แต่เป็นการก่อจลาจล" นายไบเดน ระบุและบอกด้วยว่า "ประชาธิปไตยนั้นช่างเปราะบาง…การจะพิทักษ์มันไว้ได้จะต้องอาศัยผู้นำที่อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่ออำนาจของตัวเอง"
ทรัมป์สั่งผู้ชุมนุมให้กลับบ้าน
หลังจากนั้น นายทรัมป์ได้โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ เรียกร้องผู้ชุมนุมไม่ให้ใช้ความรุนแรง และยังโพสต์วิดีโอหลังจากนายไบเดนได้ออกมาเรียกร้องให้เขากล่าวถ้อยแถลงและยุติการประท้วงที่เกิดขึ้นทั้งในกรุงวอชิงตันและหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ
"ผมรับรู้ความเจ็บปวดของพวกคุณ ผมรู้ว่าคุณเจ็บ" นายทรัมป์ กล่าวและอ้างว่ามีการขโมยชัยชนะในการเลือกตั้ง "ทุกคนรู้ดี โดยเฉพาะอีกฝ่ายหนึ่ง แต่พวกคุณต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้" เขาบอกกับผู้ชุมนุม
นายทรัมป์ยังยกคำขวัญในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งมากล่าวว่า"เราต้องมีสันติ บ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป"
"นี่เป็นการเลือกตั้งที่มีการโกงกัน แต่เราไม่อาจตกอยู่ในน้ำมือของคนเหล่านี้ได้ เราจะต้องมีสันติ" นายทรัมป์ระบุ
ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ
นายไบเดน คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังเก็บคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งได้ 306 เสียง ส่วนนายทรัมป์ได้ 232 เสียง นายไบเดน ยังได้คะแนนโหวตมากกว่านายทรัมป์อย่างน้อย 7 ล้านเสียง
ที่ผ่านมาทีมงานของนายทรัมป์ยื่นคำร้องต่อศาลคัดค้านผลการเลือกตั้งหลายสิบครั้งในหลายรัฐ แต่ไม่ประสบผล
- เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020: บีบีซีคาดการณ์ โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้ง
- เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020: โจ ไบเดน กับคำมั่นและแนวนโยบาย
โลกชี้ประชาธิปไตยถูกทำลาย
สิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน เป็นสิ่งที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก และถูกมองว่าเป็นการสร้างความสั่นคลอนให้ระบอบประชาธิปไตย
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และย้ำข้อเรียกร้องให้การเปลี่ยนถ่ายอำนาจที่จะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ เป็นไปอย่างสันติ
ขณะที่นายฟรองซัวส์ ฟิลิป ฌอมปาน รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศแคนาดา โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์เช่นกันว่า "แคนาดารู้สึกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน การถ่ายโอนอำนาจอย่างสงบสันติถือเป็นหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย ที่จะต้องสืบสานและจะคงอยู่ เราจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และคิดคำนึงชาวอเมริกันทุกคน"
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ชี้ว่าการประท้วง "เป็นการโจมตีความเป็นประชาธิปไตยอย่างรุนแรง"
ขณะที่นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานสภายุโรป (อียู) โพสต์ข้อความว่า "สภาคองเกรสคือวิหารแห่งประชาธิปไตย แต่ภาพที่ได้เห็นในคืนนี้คือสิ่งที่ตกตะลึง เราเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะถ่ายโอนอำนาจให้นายไบเดนได้อย่างสงบ"
นายโจเซฟ บอร์เรล ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของอียู เสริมว่า "นี่คือการโจมตีทั้งประชาธิปไตย สถาบันและหลักนิติธรรมของสหรัฐฯ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่ไม่ใช่อเมริกา และจะต้องเคารพผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนอย่างสมบูรณ์"
มรดกความขัดแย้งของทรัมป์
ลอรา เทรเวลีน ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่อาคารรัฐสภาไม่ต่างจากละครอันน่าทึ่ง
ในวันที่อำนาจใกล้จะหมดลง ประธานาธิบดีที่เดือดดาลไม่อาจยอมรับได้ว่าตัวเองพ่ายแพ้การเลือกตั้ง และสั่งให้บรรดาผู้สนับสนุนอันจงรักภักดีของพรรครีพับลิกันเดินทางไปยังอาคารรัฐสภาเพื่อก่อกวนกระบวนการรับรองชัยชนะของนายไบเดน
เสียงไซเรนดังกึกก้องแคปิตอล ฮิลล์ ขณะที่ตำรวจระดมกำลังเข้าไปในทุกอาณาบริเวณ ในเวลาเดียวกันภายในและภายนอกอาคาร ผู้สนับสนุนทรัมป์ร้องตะโกน "อย่าโกง" และคนที่โกรธเคืองและผิดหวังเหล่านี้ก็ได้บุกเข้าไปก่อกวนความสงบในอาคารรัฐสภา
เสียงไซเรนที่โหยหวน ภาพตำรวจที่ระดมกำลังเข้าไปยังจุดเกิด และผู้คนเปล่งเสียงคำว่า "ยูเอสเอ" และกรีดร้องเข้าใส่ฝ่ายรักษากฎหมาย เป็นบรรยากาศที่ดูน่าสะพรึงกลัว ทั้งหลายทั้งปวงนี้เกิดขึ้นในขณะที่รองประธานาธิบดีผู้ซื่อสัตย์ของนายทรัมป์ และสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่พากันตีตัวออกห่างเขา ด้วยการไม่ยอมละทิ้งคำมั่นตามรัฐธรรมนูญ และล้มล้างผลการเลือกตั้ง
นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ แพ้เลือกตั้งขณะยังอยู่ในตำแหน่งเมื่อปี1932 นับแต่นั้นมาก็ยังไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใดที่เสียทั้งเก้าอี้ในทำเนียบขาว ในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา เช่นนี้มาก่อน
ความวุ่นวายในรัฐสภาสหรัฐฯ เกิดขึ้นในขณะที่โลกกำลังจับจ้องมองดูมรดกความขัดแย้งของนายทรัมป์ บรรยากาศอันตึงเครียดและเหตุการณ์ที่ปะทุขึ้นมานี้ ไม่ได้สะท้อนภาพการส่งผ่านอำนาจที่เป็นไปอย่างสงบสันติเลย