SNPลุยอีเวนต์ส่งท้ายปี ปั้นสินค้าเทศกาลทำเงิน
#SNP #ทันหุ้น- SNP ตั้งเป้าไตรมาส 4/2565 รายได้เติบโต 50 % จากสินค้าเทศกาล เน้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านช่องทางมีเดีย พร้อมรีโนเวตสาขา สร้างประสบการณ์ใหม่และความประทับใจให้แก่ลูกค้า คาดช่วยดันยอดขายเพิ่มขึ้น 15-20 %
นายวิทูร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) หรือ SNP เปิดเผยว่าหลังจากที่มีการผ่อนคลายเปิดเมืองทำให้ประชาชนกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่ความกังวลด้านความเสี่ยงสงคราม เงินเฟ้อ ราคาวัตถุดิบ พลังงานต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนนั้น บริษัทได้มีแผนการบริหารจัดการ ทั้งในด้านการควบคุมต้นทุน และจะเน้นบริหารจัดการในด้านผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะไม่ให้มีการปรับเพิ่มราคาขึ้นมาก เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ
นอกจากนี้บริษัทยังจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งกลุ่มของเบเกอรี่และกลุ่มร้านอาหารเพื่อหา New S- Curve ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสหนึ่งในการเติบโตของบริษัท
อีเวนต์ส่งท้ายปีดันยอด
ส่วนยอดขายในไตรมาสที่ 4/2565 ตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 50 % เมื่อจากปีที่แล้ว (YoY) เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี ทำให้ประชาชนจะซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์มากขึ้น โดย S&P เตรียมจัดอีเวนต์ส่งท้ายปี และฉลองครบรอบปีที่ 49 โดยเน้นหนักไปที่สินค้า เค้กและคุกกี้ ซึ่งมียอดขายที่ดีในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา พร้อมกับโปรโมชั่นดันยอดขาย
“ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมากจากการขายสินค้าตามเทศกาลต่างๆ อย่าง เทศกาลวันแม่ และ ขนมไหว้พระจันทร์”
สำหรับกลยุทธ์ในไตรมาสที่ 4 /2565 บริษัทยังคงเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าผ่านช่องทางมีเดียครบทุกด้านทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อาทิป้ายโฆษณา , LINE OA , เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ตลอดจน สายด่วนของ S&P 1344 โดยจะมีการติดคิวอาร์โค้ดบนโฆษณา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น รวมถึงจะมีโปรโมชั่นผลักดันยอดขายด้วย
บริษัทยังได้พัฒนาสินค้าและแบรนด์เพื่อตอบสนองกับคนรุ่นใหม่ อย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มคน Gen Y และ Gen Z ทำให้มั่นใจได้ว่าการเติบโตของบริษัทยั่งยืนในระยะยาว
ลุยรีโนเวต 137 สาขา
นายวิทูร กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงเดินหน้าในการรีโนเวตร้านอาหารในเครือ S&P เนื่องจากจะช่วยเพื่อยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันบริษัทมีร้านอาหารภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 475 สาขา โดยมีแผนรีโนเวตร้านอาหารทั้งหมด 137 สาขา คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2565 ซึ่งจะมีช่วยเพิ่มยอดขายรวมได้ 15-20%
ในส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/2565 กำไรสุทธิที่ 158 ล้าน เพิ่มขึ้น 63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 66 %จากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยเป็นกำไรสุทธิที่สูงที่สุดในรอบ 7 ปี โดยมียอดขายทั้งสิ้น 1,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY โดยยอดขายการรับประทานอาหารภายในร้าน เพิ่มขึ้น 576 % ยอดขายซื้อผลิตภัณฑ์กลับบ้านเพิ่มขึ้น 29 % และการสั่งผ่านเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น 9 % โดยบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ค่อนข้างดี ส่งผลให้อัตรากำไรขึ้นต้นเพิ่มขึ้น 3.3%
สำหรับงวด 9 เดือนแรก ปี 2565 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหารภายในประเทศ การเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจค้าปลีกและรับจ้างผลิต และกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นจากการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและการควบคุมที่ดี