ทำไมความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน กระทบกับพลังงาน และราคาน้ำมันโลก ?

เข้าสู่วันที่ 4 แล้ว ระหว่างความขัดแย้ง และการโจมตีกันระหว่างอิสราเอล และอิหร่าน ซึ่งเริ่มจากเปิดปฏิบัติการ Rising Lion หรือสิงโตผงาดของอิสราเอลที่ โจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มิ.ย.) ก่อนที่ทางอิหร่านจะโจมตีกลับยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล
การโจมตีอิหร่านครั้งนี้ ถือเป็นการโจมตีอิหร่านครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์อิสราเอล และอิหร่านเองก็ตอบโต้อย่างไม่น้อยหน้า ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทั้งสองประเทศ และมีชีวิตของประชาชนเข้าแลก
แต่นอกจากความสูญเสียของทั้งประเทศแล้ว ทั่วโลกยังเจอกับตลาดหุ้น และราคาทองคำที่ผันผวน และกระทบกับราคาน้ำมัน ที่เพิ่มกว่า 7% จากสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีความกังวลว่าอาจจะพุ่งสูงอีก
ทำไมความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน ถึงกระทบกับพลังงาน และราคาน้ำมันโลก ?
อิหร่านเป็นประเทศมีแหล่งก๊าซธรรมชาติสำรองที่พิสูจน์แล้วมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีแหล่งน้ำมันดิบสำรองมากเป็นอันดับ 3 ตามข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่านก็เป็นเป้าหมายที่อิสราเอลอาจเล็งเป้ามาเป็นเวลานานแล้ว
ตามรายงานของ Emkay Global อิหร่านผลิตน้ำมันดิบประมาณ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน (หรือประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตน้ำมันทั่วโลก) และส่งออกประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยจีนเป็นผู้นำเข้าหลัก (80 เปอร์เซ็นต์) รองลงมาคือตุรกี
อิหร่านยังตั้งอยู่ทางเหนือของช่องแคบฮอร์มุซ/อ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าน้ำมันมากกว่า 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยมีซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเส้นทางที่ขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบนี้เช่นกัน
ในตอนนี้ ตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนที่ดีหลังจากที่การผลิตเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งหมายความว่าการลดอุปทานของอิหร่านนั้นสามารถยอมรับได้สักระยะหนึ่ง แต่หากมีการโจมตียืดเยื้อนั้น อาจกระทบต่อตลาดน้ำมันมากขึ้นเรื่อยๆ ได้
อิสเราเอลโจมตีจุดไหนในอิหร่าน ใกล้โรงกลั่นน้ำมันแค่ไหน ?
การโจมตีของอิสราเอลในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (14-15 มิ.ย.) ได้ส่งผลต่อโรงกลั่น และแหล่งก๊าซธรรมชาติสำคัญหลายแห่ง โดยมีรายงานการเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่เมืองหลวงของอิหร่าน ใกล้กับ
คลังน้ำมันและก๊าซชาห์ราน (Shahran) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของใจกลางเตหะราน และโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอิหร่านในชาห์เรย์ (Shahr Rey) ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมือง
นอกจากนี้ยังเกิดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่บริเวณแหล่งก๊าซเซาท์พาร์ส (South Pars) นอกชายฝั่งจังหวัดบูเชห์รทางตอนใต้ของอิหร่าน รวมถึงมีรายงานว่าเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่โรงงานก๊าซฟัจร์ จาม (Fajr Jam) ซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอิหร่าน ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดบูเชห์รเช่นกัน
ซึ่งสถานที่เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นแหล่งการผลิตน้ำมันที่สำคัญมากกับอิหร่าน ภูมิภาคตะวันออกกลาง ไปถึงต่อโลกด้วย
โรงกลั่นในชาห์เรย์ : ทางตอนใต้ของเตหะราน ดำเนินการโดยบริษัท Tehran Oil Refining Company ซึ่งเป็นของรัฐ ถือเป็นโรงกลั่นที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยมีกำลังการกลั่นเกือบ 225,000 บาร์เรลต่อวัน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการหยุดชะงักของโรงกลั่นแห่งนี้ ไม่ว่าสาเหตุของไฟไหม้จะเป็นอย่างไรก็ตาม อาจทำให้การขนส่งเชื้อเพลิงในภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดของอิหร่านเกิดความยุ่งยาก
คลังน้ำมันชาห์ราน : เป็นหนึ่งในศูนย์จัดเก็บและจ่ายเชื้อเพลิงที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเตหะราน โรงกลั่นแห่งนี้มีความจุเกือบ 260 ล้านลิตรในถัง 11 ถัง ถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในโครงข่ายเชื้อเพลิงในเขตเมืองของเมืองหลวง โดยจ่ายน้ำมันเบนซิน ดีเซล และเชื้อเพลิงเครื่องบินไปยังสถานีปลายทางหลายแห่งทางตอนเหนือของเตหะราน
แหล่งก๊าซธรรมชาติเซาท์พาร์ส : แหล่งก๊าซที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งที่มาของก๊าซสองในสามของการผลิตของอิหร่าน ซึ่งใช้กันทั่วประเทศ อิหร่านแบ่งปันแหล่งก๊าซจากที่นี่ให้กับกาตาร์ ประเทศเพื่อนบ้านด้วย การโจมตีดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายและเพลิงไหม้อย่างรุนแรงที่โรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติเฟส 14 และทำให้แท่นผลิตนอกชายฝั่งที่ผลิตได้ 12 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันต้องหยุดทำงาน
โรงกลั่นก๊าซธรรมชาติ ฟัจร์ จามในจังหวัดบูเชห์ร หยุดชะงักกระทบต่อการใช้ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงภายในประเทศของอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจังหวัดทางตอนใต้และตอนกลาง และการที่ไฟฟ้าดับทำให้เศรษฐกิจเสียหายประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ตามการประมาณการของรัฐบาล
ขณะที่ทั่วโลกเองนั้นก็พบกับความตึงเครียดจากราคาน้ำมันที่อาจสูงขึ้น โดยในการโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 7.26% ปิดที่ราว 72.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 7% ปิดที่ราว 74.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ และเบรนท์พุ่งขึ้นถึง 14% และ 13% ตามลำดับ
ราคาที่พุ่งขึ้นสูงนี้ ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ ทั้งนักวิเคราะห์ยังมองว่าการพุ่งขึ้นในระดับนี้สูงกว่าที่เคยเกิดขึ้นในช่วง เดือนเมษายนและตุลาคม 2024
แม้ว่ามีการประเมินว่า OPEC หรือองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน จะพยายายามหาทางชดเชยการผลิตแทนอิหร่าน หรือทยอยการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจก็ แต่ก็เป็นไปได้ยากเช่นกันที่จะชดเชยการผลิตจากอิหร่านได้ทั้งหมด
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรของไทยเองก็มองว่า ความตึงเครียดนี้ นำไปสู่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในวงกว้าง ในระยะสั้น ราคาน้ำมันมีแนวโน้มผันผวนสูงจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และชี้ว่าอาจส่งผลต่อ ห้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำเพิ่มขึ้นด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
