"เมียนมา" ประกาศ ยุติค้นหาผู้รอดชีวิตแล้ว
กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานความคืบหน้าหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยยังคงมีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมแล้ว 417 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่เป็นอาฟเตอร์ช็อกขนาด 3.0 ถึง 3.9 จำนวนมากถึง 185 ครั้ง และมีอาฟเตอร์ช็อกขนาดใหญ่สุด 7.5 เกิดขึ้น 1 ครั้ง
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.58 น. ของวันที่ 9 เมษายน เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.2 ความลึก 10 กิโลเมตร จุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 392 กิโลเมตร โดยไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยแต่อย่างใด
หนังสือพิมพ์เดอะมิเรอร์ (The Mirror) ของทางการเมียนมา รายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่นี้ส่งผลให้สถานีสื่อสารเคลื่อนที่ได้รับความเสียหายถึง 6,730 แห่ง โดยได้รับการซ่อมแซมแล้ว 5,999 แห่ง ส่วนอีก 731 แห่งยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะที่สำนักงานไปรษณีย์เมียนมา 15 แห่ง ซึ่งเคยหยุดให้บริการชั่วคราว ก็กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว
ด้านสำนักงานป้องกันพลเรือนเมียนมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยุติปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตแล้ว และเปลี่ยนเป็นภารกิจค้นหาร่างผู้เสียชีวิตแทน โดยจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 3,645 คน บาดเจ็บ 5,017 คน และยังคงสูญหายอีก 148 คน โดยคาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีกในระยะถัดไป
แม้ทางการและกลุ่มต่อต้านจะมีประกาศหยุดยิงชั่วคราวเพื่อให้ความช่วยเหลือเดินทางเข้าสู่พื้นที่ได้สะดวกขึ้น แต่ก็ยังคงมีรายงานการสู้รบประปรายในบางพื้นที่
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เปิดเผยภายหลังเดินทางเยือนกรุงเนปิดอว์ เพื่อประเมินความต้องการด้านมนุษยธรรม พบว่า สิ่งที่เมียนมาต้องการเร่งด่วนในขณะนี้ ได้แก่ โรงพยาบาลสนาม (Field Hospital) และเต็นท์พักพิงชั่วคราว เนื่องจากผู้ประสบภัยจำนวนมากยังไม่กล้ากลับเข้าไปในบ้าน เพราะยังมีอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่อง หรือบ้านได้รับความเสียหายจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้
ทั้งนี้ ไทยและมาเลเซียได้ตกลงร่วมกันในการแบ่งพื้นที่ดูแลความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมา โดยไทยจะดูแลพื้นที่เมืองมัณฑะเลย์เป็นหลัก ส่วนมาเลเซียจะรับผิดชอบพื้นที่สะกาย โดยหลังจากสิ้นสุดภารกิจช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว จะเข้าสู่เฟสการฟื้นฟู ทั้งด้านสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ และการบูรณะสิ่งปลูกสร้างให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง