โลกร้อนเร่งการเติบโตของเชื้อราแอสเพอร์จิลลัส เสี่ยงโรคทางเดินหายใจ

อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ส่งผลให้เชื้อราแอสเพอร์จิลลัสระบาดมากขึ้น และเป็นภัยต่อสุขภาพอย่างไร?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาวะโลกร้อนและอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์ หนึ่งในปัญหาที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นคือ การระบาดของเชื้อรา แอสเพอร์จิลลัส (Aspergillus) เชื้อราที่พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ แต่เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เชื้อราเหล่านี้สามารถขยายพื้นที่อยู่อาศัยและเพิ่มจำนวนมากขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก
อราแอสเพอร์จิลลัสพบมากที่ไหน?
เชื้อราแอสเพอร์จิลลัสพบได้ทั่วไปทั่วโลก แต่จากงานวิจัยล่าสุดพบว่า ภูมิภาคที่อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น
- ยุโรปตอนเหนือ เช่น สแกนดิเนเวีย
- เอเชียเหนือ รวมถึงจีนตอนเหนือและรัสเซีย
- อเมริกาเหนือ เช่น อลาสกาและบางส่วนของแคนาดา
กลายเป็นพื้นที่ที่เชื้อราแอสเพอร์จิลลัสเริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น จากเดิมที่เป็นภูมิภาคหนาวเย็นและพบเชื้อราได้น้อย การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิทำให้สภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อราในพื้นที่เหล่านี้มากขึ้น
ชื้ที่มาของงานวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ
ข้อมูลเหล่านี้มาจากงานวิจัยของทีมนักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้ใช้แบบจำลองทางนิเวศวิทยาและภูมิอากาศ (MaxEnt) วิเคราะห์การขยายถิ่นที่ของเชื้อราแอสเพอร์จิลลัสภายใต้สถานการณ์โลกร้อนที่แตกต่างกัน งานวิจัยนี้เผยแพร่ใน Research Square และได้รับการรายงานในสื่อต่างประเทศ เช่น Financial Times และ People Magazine
ผู้เชี่ยวชาญจากทีมวิจัยชี้ว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้เชื้อรากลุ่มนี้มีโอกาสเจริญเติบโตและแพร่กระจายไปยังพื้นที่ที่เคยมีอากาศหนาวเย็นมาก่อน อีกทั้งสภาพอากาศที่แห้งและฝนตกผิดปกติยังส่งเสริมการปล่อยสปอร์ในอากาศมากขึ้น ทำให้ผู้คนในพื้นที่เหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
ผลกระทบต่อสุขภาพจากเชื้อราแอสเพอร์จิลลัส
เชื้อราแอสเพอร์จิลลัสโดยเฉพาะสายพันธุ์ Aspergillus fumigatus สามารถก่อโรคได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น
- โรคติดเชื้อในปอดและระบบทางเดินหายใจ (Aspergillosis) ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา
- โรคภูมิแพ้และอาการระคายเคืองทางเดินหายใจ ในผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้
- สารพิษอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ที่สร้างโดยสายพันธุ์ Aspergillus flavus ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งและส่งผลเสียต่อระบบตับ
ทำไมเรื่องนี้ถึงน่ากังวล?
1. การขยายพื้นที่ของเชื้อราเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อราในพื้นที่ใหม่ๆ หมายถึงกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำในภูมิภาคเหล่านี้จะมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อสูงขึ้น
2. เชื้อรามีแนวโน้มดื้อยามากขึ้นซึ่งทำให้การรักษาโรคติดเชื้อราซับซ้อนและมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
3. ผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารสารพิษอะฟลาทอกซินจากเชื้อราสามารถปนเปื้อนในพืชผลการเกษตร เช่น ข้าวโพด ถั่ว และธัญพืช ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพผู้บริโภคและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ
แนวทางรับมือ
- การเฝ้าระวังและตรวจสอบเชื้อราในพื้นที่เสี่ยงอย่างเข้มงวด
- ให้ความรู้และคำแนะนำแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
- การวิจัยและพัฒนายาใหม่ๆ เพื่อรักษาโรคติดเชื้อราได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ลดการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม เพื่อลดการดื้อยาในเชื้อรา
โรคและเชื้อโรคอื่นๆ ที่เติบโตและแพร่ระบาดจากโลกร้อน
นอกจากเชื้อราแอสเพอร์จิลลัสแล้ว ภาวะโลกร้อนยังส่งผลให้เชื้อโรคและสิ่งมีชีวิตก่อโรคชนิดอื่นๆ เติบโตและแพร่กระจายเพิ่มขึ้น เช่น
- เชื้อแบคทีเรีย Vibrio ที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษและการติดเชื้อในน้ำทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่อากาศร้อนขึ้น
- ไวรัสที่แพร่ผ่านยุง เช่น ไวรัสไข้เลือดออก ไวรัสซิกา และไวรัสชิคุนกุนยา ซึ่งขยายพื้นที่และฤดูระบาดนานขึ้น
- เชื้อราและเชื้อราก่อโรคอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นในสภาพอากาศชื้นและร้อน เช่น เชื้อรา Candida ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำ
- ปรสิตบางชนิด ที่แพร่ผ่านน้ำและแมลง อาจเพิ่มความเสี่ยงการระบาดในพื้นที่ที่อุณหภูมิสูงขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
