พรรคเพื่อไทย ตั้ง'ชัยเกษม'นั่งหัวโต๊ะคกก.การเมือง คุมทิศทางพรรค-'เฉลิม' ปธ.กิจการพิเศษ
เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 4 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุมคณะกรรมการชุดต่างๆ ของพรรค ร่วมกับคณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ โดยภายหลังการประชุม นายสมพงษ์ อมรวิวัน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงภายหลังการประชุม ว่า พรรคพท. ได้หารือร่วมกันว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดมา พรรคจึงตั้งคณะกรรมการการเมืองขึ้นมา โดยจะมีนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯของพรรคพท. เป็นประธาน มีนายเสนาะ เทียนทอง ประธานคณะที่ปรึกษาพรรคพท. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคพท. และตน เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการการเมือง นอกจากนี้ ในคณะกรรมการชุดนี้จะมีคณะกรรมการบริหารพรรค คณะที่ปรึกษาของพรรค และสมาชิกพรรค ร่วมเป็นคณะกรรมการฯด้วย โดยพรรคพท. จะมีการประกาศแต่ตั้งคณะกรรมการชุดนี้อย่างเป็นทางการภายใน 1-2 วันนี้
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากกรณีที่มีสมาชิกสมัครเข้า และลาออกจากพรรคในช่วงที่ผ่านมา ที่ประชุมยังมีมติให้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้ง เพื่อทำหน้าที่กำหนดพื้นที่ให้ชัดเจน เพราะในอนาคตเรามีความประสงค์ที่จะขยายเขตการเลือกตั้งจากเดิมที่เราส่งแค่ 250 เขต เป็นส่งทั้งหมด 350 เขต ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้งนี้ จะได้ตั้งหน่วยงานขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่งเพื่อไปทำหน้าที่แสวงหานักประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เอามาอบรมให้เกิดประโยชน์ ซึ่งเราคาดว่า จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ และเริ่มต่อยอดได้ในเดือนมกราคม ปี 64 เป็นต้นไปได้
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ทางสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือมายังพรรคพท. ขอให้ฝ่ายค้านเสนอชื่อบุคคล 2 ท่าน เพื่อเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ ที่สภาผู้แทนรษฎรเป็นผู้ดำเนินการนั้น ที่ประชุมมีมติว่า เราจะไม่ส่งตัวแทนเข้าไปเป็นคณะกรรมการชุดนี้ เนื่องจากเหตุผล 2 ประการ คือ องค์ประกอบของคณะกรรมการยังไม่เป็นกลางจนเราสามารถเข้าไปร่วมได้ และเท่าที่ทราบคู่ขัดแย้งบางส่วนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับคณะกรรมการดังกล่าว ดังนั้น เมื่อคู่ขัดแย้งปฏิเสธแบบนี้แล้วทางออกจะจบลงอย่างไร
ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับการคณะกรรมการการเมืองและคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้งขึ้นมา เพื่อประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองรวมทั้งกำหนดท่าทีของพรรค พท.เพื่อให้ทันกับสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้พรรค พท.จะตั้งโรงเรียนเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรในพรรค รวมทั้งเชิญชวนคนภายนอกมาเป็นนักพัฒนาประชาธิปไตย และนักการเมืองรุ่นใหม่ในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่าการพัฒนาหลักสูตรโดยจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม และจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคม 64 รวมทั้งเพื่อขยายฐานสมาชิกและตัวแทนประจำจังหวัดซึ่งเรายังมีไม่ครบทุกเขต
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการทำงานติดตามสถานการณ์ในสภาฯ นั้น ขณะนี้มี 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ในวาระ 2โดยพรค พท.แปรญัตติในชั้นกรรมาธิการฯถึง 37 คน 2.กฎหมายประชามติ ซึ่งเราจะประเมินสถานการณ์ต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เหมือนการทำประชามติรัฐธรรมนูญปี 60 ที่จำกัดสิทธิและไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น 3.คณะกรรมการสมานฉันท์พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติไม่เข้าร่วม และ 4.สถานการณ์เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมาที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สิ้นสุดลงหรือไม่กรณีพักอยู่บ้านหลวง ซึ่งทุกคนคงทราบคำวินิจฉัยแล้ว อย่างไรก็ตาม เรามีข้อสังเกต 2 เรื่อง คือ 1.ระเบียบของกองทัพบกว่าด้วยบ้านพักรับรองนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.มีการเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้บ้านพักรับรองในภายหลังหรือไม่ ซึ่งพรรคได้มอบหมายให้ ส.ส.ไปติดตามและแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป
เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่างคณะกรรมการการเมืองและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายประเสริฐ กล่าวว่า ต่างกันเพราะเป็นการรวบรวมบุคลากรรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ที่จะมาทำงานร่วมกัน ยึดหลักการกระจายอำนาจ
เมื่อถามว่า ประเด็นบ้านพักฝ่ายค้านจะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เราต้องนำข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นไปตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าเข้าข่ายผิดกฎหมายก็จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การประชุมสภาฯสมัยนี้สามารถยื่นญัตติได้ถึงเดือน ก.พ.64 ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเรื่องต่างๆ อยู่ ซึ่งมีผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งบประมาณที่ไม่ชอบมาพากลอยู่พอสมควร หากได้รายละเอียดครบถ้วน จะนำไปซักฟอกรัฐบาลในสภาฯ อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ขออุบไว้ก่อนใกล้ถึงเวลาอภิปรายจะมีการเปิดเผยต่อไป แต่รับรองว่าฝ่ายค้านมีข้อมูลเด็ดแน่นอนทั้งในส่วนของนายกฯ และรัฐมนตรีคนอื่นๆ