เล่าเรื่องราวน่าสนใจของแบรนด์สู่มือผู้บริโภค ผ่านแพลตฟอร์มออกแบบบรรจุภัณฑ์ “LocoPack” | TNN Tech Reports

บรรจุภัณฑ์หรือคำที่หลายคนคุ้นหูว่า Packaging ถือเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญในการซื้อขายสินค้า เนื่องจากเป็นสิ่งที่ใช้ห่อหุ้ม หรือบรรจุผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือสิ่งของ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเคลื่อนย้ายขนส่ง ลดความเสียหายชำรุด ไปจนถึงสร้างความสวยงามโดดเด่น 

โดยข้อมูลจาก WestRock บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ราบใหญ่ในสหรัฐ ปี 2017 เปิดเผยผลจากการสำรวจประชาชน 1,000 คน ระบุว่า 

• ผู้บริโภคร้อยละ 65 เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพราะบรรจุภัณฑ์ 

• ร้อยละ 35 หันไปซื้อส้นค้ายี่ห้ออื่น เนื่องด้วยความน่าสนใจของรูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ  

ขณะที่ในประเทศไทย ก็มีการเติบโตของบรรจุภัณฑ์จากหลายปัจจัย ทั้งการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และการเติบโตของอีคอมเมิร์ซหรือการซื้อขายออนไลน์ ส่งผลให้ธุรกิจการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์เติบโตตามไปด้วย  

ข้อมูลจาก สภาอุตสาหกรรม หรือ ส.อ.ท. คาดการณ์ว่า

• ในปี 2566 อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์จะขยายตัวเกิน 5% มีมูลค่ารวมประมาณ 3 แสนล้านบาท แยกเป็น 60% จากกลุ่มบรรจุภัณฑ์ และ 40% จากกลุ่มงานพิมพ์

LocoPack คืออะไร ?

ด้วยความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ดังกล่าว จึงเป็นที่มาของ LocoPack แพลตฟอร์มออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่ผู้ประกอบการสามารถออกแบบลวดลายบนบรรจุภัณฑ์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากจะได้ความสวยงาม โดดเด่น ตรงใจแล้ว เจ้าของแบรนด์ ยังสามารถใส่ลูกเล่นและเล่าเรื่องราวของแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์ ไปสู่มือผู้บริโภคได้พร้อมกันด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น LocoPack ถือเป็นตัวกลางที่จะมาเติมเต็มช่องว่าง เชื่อมผู้ประกอบการ กับโรงงานสิ่งพิมพ์เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยแก้ปัญหาผู้ประกอบการรายเล็ก และ SME เข้าไม่ถึงโรงงานที่รับพิมพ์ขั้นต่ำ ในจำนวนน้อย

จุดเด่นของ LocoPack

• ช่วยให้การออกแบบลวดลายบรรจุภัณฑ์ทำได้ง่าย ๆ ผ่านคอมพิวเตอร์ 

• สามารถสั่งผลิตได้ในจำนวนขั้นต่ำเพียง 100 ชิ้น ในระยะเวลาสั้น จากเดิมที่ต้องสั่งเป็นหมื่นชิ้นด้วยข้อจำกัดของโรงงาน 

• ช่วยประหยัดเงินทุน สำหรับผู้ที่ต้องการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง อยู่ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นธุรกิจ หรือต้องการทดสอบตลาดก่อน 

การพัฒนาแพลตฟอร์ม LocoPack

การพัฒนาของแพลตฟอร์ม LocoPack จะประกอบไปด้วยการทำงานหลายส่วน เพื่อตอบโจทย์ความมุ่งหมายที่ต้องการเป็น  Ecosystem หรือระบบนิเวศของการผลิตบรรจุภัณฑ์  

ตั้งแต่การดึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนมารวมไว้อยู่ในระบบ ทั้งนักออกแบบ และโรงงานขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ จำนวนเกือบ 30 แห่งทั่วประเทศ โดยใช้ระบบอัลกอริทึ่มจับคู่คำสั่งของผู้ประกอบการ และโรงงานเข้าด้วยกัน มีการคิดระบบเทคโนโลยีเรื่องการออกแบบโครงสร้าง หรือ Template Design วางเส้นทางเชื่อมต่อของระบบ หรือ routing ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การคิดราคา ไปจนถึงการขนส่งหรือโลจิสติกส์ 

LocoPack ใช้งานอย่างไร ?

1. เข้าไปที่เว็บไซต์ locopack.co.th 

2. เลือกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สนใจ 

3. กรอกรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งขนาด วัสดุ พร้อมใส่รหัสไปรษณีย์ เพื่อให้ระบบคำนวนราคา

4. ระบบจะจับคู่โรงงานผู้ผลิตขึ้นมาให้ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ประกอบการเปรียบเทียบราคา ผลงาน คะแนนเรตติ้งหรือฟีดแบกจากการใช้งาน และระยะเวลาในการผลิต

5. หลังจากตัดสินใจกดเลือกโรงงานได้แล้ว จะเข้าสู่การชำระเงิน

6. จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการออกแบบออนไลน์ด้วยตัวเองจากกราฟิกที่มีให้เลือก แต่หากต้องการลวดลายที่มีความเฉพาะตัวมากขึ้นก็สามารถใช้บริการนักออกแบบจาก Locopack ก็ได้เช่นเดียวกัน 

ขนาดของบรรจุภัณฑ์สามารถเลือกได้หลากหลาย เพื่อให้ตอบโจทย์กับผลิตภัณฑ์ได้ครอบคลุม ซึ่งที่เคยสั่งผลิตผ่าน LocoPack มีตั้งแต่ขนาดเล็กเท่ากล่องไม้ขีด ไปจนถึงขนาดกว่า 2 เมตร

รวมถึงวัสดุที่ใช้ก็มีให้เลือกเช่นเดียวกัน ทั้งพลาสติกซึ่งมีหลายประเภท หรือจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่รับกับเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมอย่าง บรรจุภัณฑ์กระดาษก็มีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น กระดาษแข็ง กระดาษลูกฟูก และอื่น ๆ อีกหลายชนิด

ซึ่งนอกจากทำเป็นสินค้าเพื่อซื้อขายแล้ว ยังสามารถสั่งทำผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ชุดกิ๊ฟเซ็ต ของขวัญ หรือของชำร่วย

ส่วนใครที่สงสัยว่าหากอยากเป็นเจ้าของแบรนด์มีบรรจุภัณฑ์เป็นของตัวเอง ต้องมีค่าใช่จ่ายเท่าไหร่ 

คำตอบคือ เริ่มต้นอยู่ที่ 2,000 บาท ซึ่งราคาจะเปลี่ยนแปลงไปตามรายละเอียดของบรรจุภัณฑ์ หากสั่งจำนวนมากขึ้นราคาก็จะถูกลง

LocoPack มีข้อจำกัดอะไรบ้าง ?

แม้ว่าจะมีการใช้งานจริงแล้วเป็นเวลากว่า 2 ปี หลังจากแพลตฟอร์ม LocoPack มีการเปิดตัวสู่ตลาด แต่ผู้พัฒนาเองระบุว่า สิ่งที่ยังเป็นจุดอ่อนของแพลตฟอร์มออกแบบบรรจุภัณฑ์นี้คือ การขาดการเข้าถึงผู้ประกอบการขนาดเล็ก โดยเฉพาะแหล่งชุมชน ซึ่งถือเป็นความตั้งใจแรก ๆ ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม

ในขั้นต่อไปของ Locopack จะมุ่งต่อยอดสู่การออกแบบชั้นวางสินค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปตั้งจัดแสดงตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ เช่น ตัวอย่างชั้นวางสินค้าที่เห็นอยู่ในภาพนี้ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนขนาด จำนวนชั้น วัสดุ และรายละเอียดต่าง ๆ ได้เช่นกัน