รีเซต

‘กรุงไทย’จับตาราคาพลังงานพุ่ง ส่งผลกระทบวงกว้าง ดันเงินเฟ้อแตะ 3% ฉุดกำลังซื้อผู้บริโภคทรุด

‘กรุงไทย’จับตาราคาพลังงานพุ่ง ส่งผลกระทบวงกว้าง ดันเงินเฟ้อแตะ 3% ฉุดกำลังซื้อผู้บริโภคทรุด
ข่าวสด
8 กุมภาพันธ์ 2565 ( 15:57 )
37
‘กรุงไทย’จับตาราคาพลังงานพุ่ง ส่งผลกระทบวงกว้าง ดันเงินเฟ้อแตะ 3% ฉุดกำลังซื้อผู้บริโภคทรุด

ข่าววันนี้ นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า สิ่งที่กระทบกับเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ คือ ราคาพลังงาน ซึ่งหากราคาน้ำมันในตลาดโลกแตะถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และสูงมากกว่านี้ พร้อมลากยาวกว่าที่คาด จะส่งผลกระทบในวงกว้างขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเงินเฟ้อ ที่จะทำให้ในช่วงไตรมาส 1 หรือ ครึ่งปีแรกของปีนี้ เงินเฟ้ออาจจะเกิน 3% ได้ เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นกระทบกับกำลังซื้อของประชาชน การบริโภคจะชะลอตัว

 

“การตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ระดับไม่เกิน 30 บาทของภาครัฐอาจจะไม่เพียงพอ เพราะราคาสาธาณูปโภค อย่าง ค่าไฟฟ้า ราคาค่าโดยสารจะปรับที่สูงขึ้นด้วย รวมถึงราคาสินค้าที่สูงขึ้นตามราคาพลังงาน จะกระทบต่อภาคการใช้จ่าย การบริโภคของประชาชนในที่สุด ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น ภาครัฐอาจจะมีมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนเพิ่มเติม”

 

 

ธนาคารยังมองเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีของไทยยังอยู่ในกรอบใกล้เคียง 3% โดยมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นจะชะลอลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างรัสเซียและยูเครนว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นจนเกิดการสู้รบหรือไม่ เพราะจะกระทบกับราคาพลังงานให้สูงขึ้นอีกได้ ส่วนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 9 ก.พ.นี้ คาดว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ 0.5%

 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เพราะการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่กระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และไทยมากนัก ขณะเดียวกันท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เห็นโอกาสในอุตสาหกรรมการแพทย์จะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาครัฐคาดหวังว่าจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยต้องวางเป้าหมายจะผลักดันไทยก้าวเป็น เมดิคัล ฮับ (Medical Hub) ในระดับโลก อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งนอกจากจะช่วยดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศแล้ว ยังเพิ่มการจ้างงาน และเชื่อมโยงไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้อีกมาก

 

สำหรับองค์ประกอบสำคัญที่ภาครัฐวางไว้ให้ขับเคลื่อนการเป็นเมดิคัล ฮับของไทย ได้แก่ 1.ศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ 2.ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ 3.ศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ และ 4.ศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย ซึ่งหากภาครัฐผลักกันอย่างจริงจัง เชื่อว่าภายใน 5-6 ปี ไทยจะสามารถเป็นเมดิคัล ฮับ ได้ และคาดช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศถึง 8 แสนล้านบาทต่อปี ภายในปี 2570 จากปัจจุบันที่มีมูลค่าประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท

บทความน่าสนใจอื่นๆ

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง