แต่งงานซ้อน กางข้อกฎหมาย เมื่อทะเบียนสมรสยังอยู่ ทำได้หรือไม่
วันนี้ (19ก.พ.64) จากกรณีโซเชียลมีเดียแชร์ไลฟ์สดเฟซบุ๊กสาวรายหนึ่ง ถือทะเบียนสมรสบุกไปที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าชัย อ.เมือง จ.ชัยนาท พร้อมระบุว่าฝ่ายเจ้าบ่าวยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากับตน
ล่าสุดทางเพจ "ทนายคู่ใจ" ของทนายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวว่า
1.-เป็นข่าวดังหน้าหนึ่งเมื่อมีสาวเจ้าหนึ่งบุกไปยังงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว โดยเอาทะเบียนสมรสไปถามหนุ่มเจ้าบ่าวว่าจัดงานแต่งงานใหม่ได้ยังไง ในเมื่อทะเบียนสมรสยังคาอยู่กับกับตนเอง มิหนำซ้ำหนุ่มเจ้าบ่าวรายนี้ยังเป็นตำรวจ
2.- ซึ่งในกรณีการจัดงานแต่งงานแบบนี้ โดยทะเบียนสมรสยังคาอยู่ ไม่ได้มีการหย่าขาดจากภรรยาเก่า ในทางกฎหมายนั้นไม่สามารถจดทะเบียนสมรสใหม่ซ้ำซ้อนได้นะครับ หากจดทะเบียนสมรสใหม่ ก็จะตกเป็นโมฆะ กล่าวคือ ไม่มีผลผูกพันธ์เป็นสามี-ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายนั่นเอง
3.- ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงอาจจะเลิกราต่อกัน แยกทางกันอยู่หรือไม่ก็ตาม แต่ในทางกฎหมายหากทะเบียนสมรสยังคากันอยู่ ก็ต้องถือว่าเป็นสามี-ภรรยากันอยู่ หากจะเลิกกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย กฎหมายกำหนดว่าให้ไปจดทะเบียนหย่า หรือฟ้องหย่าตามขั้นตอนกฎหมาย (ป.แพ่ง ม.1514)
4.- เมื่อฝ่ายหนุ่มเจ้าบ่าว ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า หรือฟ้องหย่าให้แล้วเสร็จ แต่กลับไปจัดงานแต่งงานกับเจ้าสาวใหม่นั้น ในทางกฎหมายถือว่า ซึ่งเป็นการยกย่องผู้อื่นฉันภริยา เรียกง่ายๆว่า “มีชู้” ในทางกฎหมายเป็นเหตุให้เมียที่กอดทะเบียนสมรสไว้นั้น สามารถดำเนินการฟ้องหย่า หนุ่มเจ้าบ่าว และเรียกค่าทดแทน จากฝ่ายหญิงที่มาเป็นชู้ได้ หรือจะไม่ฟ้องหย่าเลย แต่จะฟ้องค่าทดแทนจากชู้อย่างเดียวก็สามารถทำได้ (ม.1516 (1) ประกอบ ม.1523 )
5.- ทางออกของหนุ่มเจ้าบ่าว หากต้องการที่จะหย่า แต่เมียไม่ยอมจับมือกันไปจดทะเบียนหย่า ก็ต้องดำเนินการใช้สิทธิทางศาลฟ้องหย่าอย่างเดียว ซึ่งในทางกฎหมายนั้น การที่จะใช้สิทธิทางศาลในการฟ้องหย่านั้นก็ต้องมีเหตุ เช่นฝ่ายหญิงมีชู้ , แยกกันอยู่เกิน 3 ปี , จงใจทิ้งร้างอีกฝ่ายไปเกิน 1 ปี , ประพฤติชั่วร้ายแรง ,วิกลจริต,เป็นโรคร้ายแรง,ทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย,หรือไม่อาจร่วมประเวณีกันได้ ฯ (ม.1516) หากไม่เข้ากรณีตามนี้ก้ไม่มีเหตุที่จะฟ้องหย่าได้ ฟ้องไปศาลก็ไม่อาจจะสั่งให้ได้
6.- การที่ภรรยาไม่ยอมจดทะเบียนหย่าให้นั้น ในความเป็นจริงแล้วก็มีเยอะนะครับ บางทีก็ต้องเข้าใจฝ่ายหญิงด้วยว่าเขามีลูกด้วยกัน บางครั้งมันก็ต้องคิดเยอะกว่าคำว่ารักหรือไม่รัก หรือบางคนก็ยอมกอดทะเบียนสมรสเอาไว้ เพื่อหวังในสินสมรส ก็มีเหมือนกัน
7.-แต่ทั้งนี้ฝ่ายชายเจ้าบ่าวดันเป็นตำรวจด้วยนี่สิครับ เรื่องนี้ หากฝ่ายเมียหลวงจะร้องเรียนวินัยนี่ผมบอกได้เลยว่างานเข้า เพราะการที่ข้าราชการมีชู้เนี่ย ถือเป็นการประพฤติชั่ว อันเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ถึงขั้นไล่ออกจากราชการได้เลย เคยมีกรณีศึกษาที่ข้าราชการถูกออกจากราชการเพราะมีชู้มาแล้วหลายราย
8.-แต่การที่เมียหลวงบุกไปที่งานแต่งงาน แล้วมีการไลฟ์สด เรื่องนี้ถึงแม้สังคมจะเห็นใจเมียหลวงก็ตาม แต่ในทางกฎหมายก็สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาอยู่เหมือนกัน (ซึ่งผมก็ยังไม่ได้ฟังคลิปไลฟ์สดนะ ) โดยหากมีคำว่า “เมียน้อย” หรือพูดพาดพิงถึงเมียน้อยแล้วเนี่ย เขาอาจจะดำเนินคดีได้เหมือนกัน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 2 ปี ปรับสูงถึง 2 แสนบาท (ป.อาญา ม.328)
9.-เรื่องในครอบครัวก็ควรคุยกันให้ชัดนะครับว่าจะเอาอย่างไร จะหย่ากัน สินรสรส หนี้ร่วม ค่าเลี้ยงดูลูก เอาให้ชัดเจน หากจะเลิกกัน คุยกันไม่ได้ก็ไปว่ากันในศาล ให้ศาลตัดสิน ไม่ใช้ให้มันคาราคาซัง แล้วเป็นเรื่องขึ้นมาแบบนี้