รีเซต

ระดับน้ำขึ้นๆ ลงๆ ภัยเงียบที่กำลังกัดกินตลิ่งริมเจ้าพระยา?

ระดับน้ำขึ้นๆ ลงๆ ภัยเงียบที่กำลังกัดกินตลิ่งริมเจ้าพระยา?
TNN ช่อง16
11 มิถุนายน 2567 ( 17:51 )
50

เขื่อนริมตลิ่งทรุดหลายจุด สร้างความกังวล


สองเหตุการณ์การทรุดตัวของเขื่อนริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่เกิดขึ้นติดต่อกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายและความกังวลให้แก่ประชาชนในจังหวัดนนทบุรีและชัยนาท เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. เขื่อนริมน้ำบริเวณวัดเชิงเลน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้พังทรุดลงมาเป็นระยะทางยาวกว่า 75 เมตร แม้จะไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ แต่ก็ก่อให้เกิดความวิตกกังวล 


ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ก็เกิดเหตุการณ์ดินริมตลิ่งบริเวณวัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท ทรุดตัวลงไปในแม่น้ำด้วยเช่นกัน ทำให้กุฏิพระ ศาลาวัด อาคารโรงจอดรถของโรงเรียนพังถล่มลงน้ำพร้อมกับรถจำนวน 14 คัน  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และความรู้สึกปลอดภัยของชาวบ้าน หลายคนบอกว่าไม่กล้าเข้าใกล้ตลิ่งริมน้ำมากนัก และหวาดกลัวว่าเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดซ้ำได้อีก



สภาพอากาศแปรปรวนเป็นปัจจัยเสี่ยง


นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยากรมชลประทาน ได้ให้ข้อมูลว่าปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น แต่ตกไม่สม่ำเสมอเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการผันแปรของระดับน้ำในแม่น้ำอย่างรวดเร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยส่งผลให้คันกั้นน้ำและตลิ่งเกิดการพังทลายได้ง่าย  


การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจากฝนน้อยสู่ฝนมากในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้น้ำในแม่น้ำขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เกิดการกัดเซาะและทำลายโครงสร้างเขื่อนได้ รวมทั้งดินที่อิ่มน้ำก็ยังทำให้โครงสร้างเขื่อนรับแรงกระแทกได้ไม่ดีนัก ส่งผลให้เกิดการทรุดตัวและพังทลายได้ง่ายขึ้น  


ทั้งนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก เช่น การออกแบบและก่อสร้างเขื่อนที่อาจไม่เหมาะสม คุณภาพของวัสดุที่ใช้ และการขาดการบำรุงรักษาที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการพังทลายของเขื่อนมากขึ้นไปอีก เมื่อเผชิญกับภาวะสภาพอากาศที่แปรปรวน



กรมชลประทานเร่งตรวจสอบและแก้ไข


เมื่อเกิดเหตุการณ์เขื่อนทรุดตัวขึ้น กรมชลประทานได้สั่งการให้หน่วยงานชลประทานทั่วประเทศเร่งสำรวจและตรวจสอบเขื่อน คันกั้นน้ำ และพนังกั้นน้ำในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะจุดเสี่ยงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาท เพื่อเฝ้าระวังและประเมินความแข็งแรงของโครงสร้าง โดยในจุดที่มีความเสี่ยงสูงจะต้องได้รับการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงโดยเร็ว เพื่อลดโอกาสการเกิดเหตุซ้ำ  นอกจากนี้ยังต้องมีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ รวมถึงมีการวางแผนรับมืออุทกภัยในช่วงที่ปริมาณฝนคาดว่าจะมีมากขึ้นในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม เพื่อสามารถบริหารจัดการน้ำได้มีประสิทธิภาพ ป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อล้นและกระแทกจนทำให้เขื่อนพังทลายได้



ความจำเป็นในการป้องกันและเตรียมความพร้อม


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือภัยธรรมชาติและการป้องกันเชิงรุก ซึ่งจะต้องดำเนินการในทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ  ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น ในการตรวจสอบ ซ่อมแซม และเสริมความแข็งแรงโครงสร้างที่มีอยู่แล้ว รวมถึงผลักดันให้มีการออกแบบและก่อสร้างเขื่อนใหม่ๆ ด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ  ต้องมีการจัดทำแผนการจัดการน้ำและแผนเผชิญเหตุที่มีประสิทธิภาพ ให้มีการติดตามสถานการณ์และระดับน้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสามารถแจ้งเตือนชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงอย่างทันท่วงที การสร้างความตระหนักและความเข้าใจให้กับชุมชน รวมถึงการฝึกซ้อมอพยพ ก็จะช่วยบรรเทาผลกระทบและความสูญเสียได้มาก



เสียงเรียกร้องจากชาวบ้าน


ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่นนทบุรีและชัยนาทต่างพากันออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเร่งแก้ไขสถานการณ์ โดยเฉพาะในจุดวัดธรรมามูลพบว่าชาวบ้านบางส่วนได้รับความเสียหายจากการที่เขื่อนทรุดตัวลงมาทับทรัพย์สินและรถยนต์ รวมถึงกุฎิพระที่พังเสียหาย ซึ่งอยากให้มีการเยียวยาฟื้นฟูและช่วยเหลืออย่างทันท่วงที  


ครูโรงเรียนบางคนที่รถโดนกระแสน้ำพัดลงไปจมน้ำ เสียหายโดยไม่มีประกัน ก็อยากฝากให้หน่วยงานเร่งดำเนินการป้องกันตลิ่งและอย่าปล่อยให้เกิดเหตุซ้ำรอยแบบนี้อีก เพราะเป็นเรื่องที่น่ากลัวและกระทบจิตใจผู้ได้รับผลกระทบมาก  ชาวบ้านยังเรียกร้องให้มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่รวดเร็วและครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการช่วยเหลือฉุกเฉิน การฟื้นฟูความเสียหาย จนถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในระยะยาว


เหตุการณ์เขื่อนและตลิ่งทรุดตัวที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณเตือนถึงความจำเป็นในการเร่งสำรวจ ซ่อมแซม และออกแบบเขื่อนกั้นน้ำในจุดเสี่ยงต่างๆ ให้มีความแข็งแรงทนทาน สามารถรับมือกับความแปรปรวนของสภาพอากาศที่จะมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในอนาคต  การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งการเตรียมความพร้อมและมาตรการรองรับผลกระทบอย่างครอบคลุม จะช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ  


ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมเยียวยาฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงทีและเป็นธรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นการปลอบขวัญชาวบ้านด้วย  


เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันแก้ไขอย่างจริงจัง และร่วมกันสร้างความพร้อมเพื่อรับมือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันและสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตได้อย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง