ASAPจัดทัพรถเช่า เที่ยวด้วยกันหนุน เล็งเซอร์ไพรส์Q4

#ASAP #ทันหุ้น – ASAP รับอานิสงส์ รัฐส่งสัญญาณเร่งคลอด"เราเที่ยวด้วยกัน" เพิ่ม หวังเป็นของขวัญ-กระตุ้นท่องเที่ยว พร้อมเสริมทัพเพิ่มรถเช่าระยะสั้น ด้านบิ๊ก"ทรงวิทย์ ฐิติปุญญา" ลั่นไตรมาส 4/2565 ฟอร์มแจ่ม คนแห่เช่ารถอื้อ-บุ๊กขายยูสคาร์หนุน แถมซุ่มดีลต่อยอดรถเช่าอีวีเสริมพอร์ตระยะยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากประเด็นที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานจัดทำมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจ รอบใหม่ในช่วงปลายปี 2565 เพื่อเป็น ของขวัญปีใหม่ 2566 และล่าสุดมีหนังสือจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ประทับตรา ด่วนที่สุด! ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2565 เรื่อง การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน ไปถึงรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี กระทรวง กรม
*เราเที่ยวด้วยกันหนุน
ทั้งนี้ ในหนังสือข้างต้น ระบุข้อความว่า โครงการดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อส่วนรวมได้ทันในช่วง เทศกาลปีใหม่ อย่างแท้จริง ไม่ขัดต่อกฎหมาย และประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
พร้อมกันนี้ ล่าสุดทางโฆษกนายกรัฐมนตรี ระบุว่า คงจะมีการเสนอมาตรการข้างต้นและอื่นๆ ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป และคาดได้ความชัดเจนช่วงพฤศจิกายน 2565
ด้านนายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือASAP เปิดเผยว่า สำหรับโครงการดังกล่าวหากเกิดขึ้นจริงนั้นถือเป็นปัจจัยบวกต่อการท่องเที่ยวในประเทศและบริษัทอย่างชัดเจน
"ปัจจุบันจากการสำรวจข้อมูลการเช่ารถ พบว่า เริ่มมียอดบุ๊กกิ้งรถเช่าระยะสั้นในส่วนของเทศกาลวันหยุดปลายปี เข้ามาเกือบเต็ม เพราะฉะนั้นเราจึงได้มีการจัดจำนำรถเช่าเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก รองรับความต้องการที่ขยายตัวต่อเนื่อง สอดรับกับนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นตาม นอกเหนือ จากธุรกิจอื่นๆ ที่ดีต่อเนื่อง"
*โค้งท้ายมีเซอร์ไพรส์
ส่วนทิศทางผลงานในไตรมาส4/2565 บริษัทเชื่อคงจะเห็นการเติบโตอย่างชัดเจน เพราะภาพการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวค่อนข้างมาก หลังภาครัฐมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าใช้บริการเช่ารถเพื่อการเดินทางขยายตัวมากขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจในส่วนอื่นและยูสคาร์ที่กลับมาเติบโตด้วย
อย่างไรก็ดี ในปี 2565 บริษัทเชื่อรายได้คงเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 4 พันล้านบาท ผลมาจากธุรกิจมีการทำตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับปัจจัยเกี่ยวโควิดเริ่มคลี่คลาย ประกอบกับภาครัฐมีการเปิดประเทศโดยการปลดล็อกเกณฑ์ต่างๆ อาทิ การตรวจโควิด ฯลฯ ทำให้บริษัทมองว่าน่าจะได้เห็นภาพรวมของบริษัทสามารถกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ตั้งปี 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจให้เช่ารถยนต์ โดยเฉพาะระยะสั้นนั้นกลับมาฟื้นตัวอย่างโดดเด่น หลังภาครัฐมีการเปิดประเทศในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายยูสคาร์เองปีนี้นั้นก็มีจำนวนรถที่ครบสัญญารอขายเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยฟื้นตัวอย่างชัดเจนมาอยู่ที่ราว 4-5 แสนบาทต่อคัน เมื่อเทียบกับช่วงโควิดที่เคยอ่อนตัวไปถึง 50% จากราคาในปัจจุบัน
*ดีลพันธมิตรลุยรถเช่าอีวี
ขณะเดียวกันตัวเลขการตัดค่าเสื่อมรถยนต์ของ ASAP ที่ได้ลงทุนไปในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานั้นได้ลดลงค่อนข้างมากและกลับเข้าสู่จุดสมดุล ทำให้ให้ฐานะการเงินของบริษัทกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น และจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในปีหน้า เพราะมียูสคาร์ที่รอขายอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้บริษัทน่าจะได้เห็นภาพรวมของบริษัทสามารถกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี ในแง่การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (อีวี) ที่ขยายตัวมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมมือกับพาร์ตเนอร์รายใหม่ เพื่อนำรถอีวีข้างต้นมาเปิดให้บริการเช่ากับลูกค้าเพิ่มเติม หวังขยายช่องทางสร้างรายได้ให้ดียิ่งขึ้น คาดได้เห็นความชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้