รีเซต

Asap ชูกลยุทธ์ Mobility Solution Driven เปิดตัวแอพพลิเคชั่น Asap App เจาะตลาด B2C ยุค New Normal

Asap ชูกลยุทธ์ Mobility Solution Driven เปิดตัวแอพพลิเคชั่น Asap App เจาะตลาด B2C ยุค New Normal
มติชน
28 พฤษภาคม 2564 ( 15:58 )
104

 

 

บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ “Asap” ผู้ประกอบการรถยนต์ให้เช่ารายใหญ่ในประเทศ ทั้งรถให้เช่าระยะยาวแก่องค์กร รถเช่าระยะสั้น และการให้เช่าพร้อมคนขับ ปรับแผนกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าจากการให้บริการกับลูกค้าองค์กร (B2B) เป็นหลัก สู่การให้บริการกับลูกค้ารายย่อย (B2C) ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล “Asap App” แอปพลิเคชั่นใหม่ล่าสุด ที่อาศัยแนวคิด Mobility Solution Driven เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย เชื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New Normal พร้อมประกาศแผนรุกตลาดประกันภัย และธุรกิจขายรถมือสองแบบ Peer-to-Peer เพื่อให้ครอบคลุมการบริการกับลูกค้ารายย่อยได้กว้างมากขึ้น

 

 

นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวคิด “Mobility Solution Driven” ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ได้มีการวางแผนคิดค้นพัฒนามากว่าสามปี เพื่อให้แอปพลิเคชั่นของ Asap ตอบโจทย์การเดินทางของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยรองรับการเดินทางของทั้งคน สัตว์ สิ่งของ ให้เป็นเรื่องง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว

 

 

“ทุกวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเดินทางยังคงเกิดขึ้นเพียงแต่อยู่ในรูปแบบที่เปลี่ยนไป โดยจะเห็นได้ว่าการเดินทางในยุคนี้ต้องมีการบริหารจัดการ และการวางแผนที่ดี เพื่อช่วยผู้บริโภคจัดการเวลาได้อย่างคุ้มค่า ดังนั้น การพัฒนาโซลูชันด้านการเดินทาง (Mobility Solution) ที่รัดกุม ปลอดภัย และเชื่อถือได้จึงกลายเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งจากที่เราได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และมองเห็นความต้องการที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ จึงได้พัฒนา 7 โซลูชันขึ้นมาบนแอปพลิเคชัน Asap เพื่อให้ตอบโจทย์สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น”

 

 

ภายในแอปพลิเคชัน Asap จึงมาพร้อม 7 บริการที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ประกอบด้วย

· – บริการรถเช่ารายวัน

· – บริการรถเช่าพร้อมคนขับ (Butler)

· – บริการรับส่งผู้สูงอายุ

· – บริการรับส่งในวันพิเศษด้วยรถหรู (ลีมูซีน)

· – บริการขนเฟอร์นิเจอร์

· – บริการรับส่งสัตว์เลี้ยง

· – บริการขับรถให้คุณ

 

 

“ในฐานะที่ Asap เป็นผู้ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรและหน่วยงานภาครัฐมากว่า 10 ปี ทำให้เรามีปัจจัยและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จะนำมาให้บริการแก่ลูกค้าบุคคลทั่วไปได้อย่างครบวงจร และมีมาตรฐาน ซึ่งการรุกตลาดคอนซูเมอร์ในครั้งนี้เป็นเพราะเรามองเห็นโอกาสที่จะนำบริการของเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะในสภาวะที่โควิด-19 กำลังระบาด และทำให้ผู้คนส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยระบบสาธารณะเพื่อความปลอดภัยในสุขภาพของตัวเอง” นายทรงวิทย์กล่าว

 

 

สร้างระบบนิเวศน์ที่มีฐานผู้ใช้บริการหลักแสน

ด้านนางสาวพิชชาภัสสร์ ฐิติปุญญา ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ระบบนิเวศน์มีความสมบูรณ์ ทางบริษัทจึงได้มีการเปิดรับสมาชิกในชื่อ Asap club หรือคลับสำหรับให้บริการลูกค้าของ Asap โดยตั้งเป้าสมาชิกบนแพลตฟอร์มเอาไว้ 10,000 รายภายใน 14 วันนับจากเปิดให้บริการ ( เริ่มเปิดลงทะเบียน วันที่ 1 มิถุนายน 2564) รวมถึงต้องการสร้างยอดสมาชิกในคลับให้แตะ 100,000 รายภายในสิ้นปีนี้

 

 

สำหรับสิทธิพิเศษที่สมาชิกของ Asap Club จะได้รับนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกันภัยรถยนต์ หรือซื้อรถมือสอง (รถบ้าน) ได้ผ่านทางแพลตฟอร์ม นอกจากนั้น ยังมีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้า 10,000 รายแรกที่สามารถสมัครสมาชิกได้ในราคา 99 บาทจากราคาเต็ม 499 บาท และสามารถเลือกใช้ 7 บริการที่กล่าวมาข้างต้นได้ฟรีหนึ่งครั้งด้วย ทั้งนี้การเปิดรับสมาชิก Asap Club จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป และผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษ สามารถกดใช้สิทธิได้ภายใน 14 วันหลังจากชำระเงิน

 

 

ต่อยอดสู่ธุรกิจประกันภัย ขายรถมือสองแบบ P2P

นางสาวพิชชาภัสสร์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า “นอกจากการให้บริการด้านการเดินทางสำหรับบุคคลสำคัญ สัตว์เลี้ยงแสนรัก หรือการเคลื่อนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ใน Asap App แล้ว ผู้ที่เป็นสมาชิก Asap club ยังสามารถใช้บริการอื่นๆ พร้อมสิทธิพิเศษเหนือใครอีกมากที่จะตามมาในไตรมาสสามของปีนี้ อาทิ การซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ รวมถึงการซื้อขายรถยนต์มือ 2 ของผู้ที่เป็นสมาชิกผ่านแอปพลิเคชั่น Asap ซึ่งทั้งหมดจะเป็นการสร้างรูปแบบ Community ของกลุ่มสมาชิกรูปแบบใหม่ ภายใต้ Asap club ซึ่งเรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มองหาความคุ้มค่าพร้อมสิทธิพิเศษที่เลือกสรรมาให้โดยเฉพาะแน่นอน”

 

 

สำหรับธุรกิจประกันภัยและธุรกิจ Used Car P2P หรือการขายรถมือสองแบบ Peer-to-Peer นั้น คุณทรงวิทย์ กล่าวเสริมว่า เป็นช่องทางใหม่ที่แตกต่างจากช่องทางปกติ เพราะผู้คนที่อยู่ในคอมมูนิตี้ไม่เพียงต้องการบริการเสริมด้านการเดินทาง หากแต่สมาชิกทุกคนก็ต้องซื้อประกันภัยรถยนต์ รวมถึงเมื่อใช้รถไปนาน ๆ วันหนึ่งรถที่สมาชิกมีก็ต้องเก่าลงและมองหาผู้ที่จะส่งมอบต่อ ซึ่งทั้งการขายประกันภัยสามารถอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบริการ Used Car P2P จะมาตอบโจทย์ในจุดนี้ เพื่อให้ทั้งให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายสามารถซื้อขายรถในราคาที่ตนเองพอใจได้มากขึ้น และมั่นใจได้ว่า เป็นรถบ้านแท้ เนื่องจากสามารถรู้จักตัวตนของผู้ขายได้จากแพลตฟอร์ม

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งสองธุรกิจยังเป็นการปรับกลยุทธ์เพื่อ TurnAround ธุรกิจของ Asap หลังจาก Covid-19 ผ่านพ้นไปด้วย โดยนายทรงวิทย์ ได้กล่าวว่า

 

 

“สัดส่วนรายได้ของ Asap ในปัจจุบัน 70% มาจากบริการรถเช่าระยะยาว 10% มาจากบริการรถเช่าระยะสั้น และอีก 20% มาจากรายได้จากการขายรถยนต์มือสอง ขณะที่ แผนการ Turnaround ของเราคือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยสร้างแพลตฟอร์ม ซึ่งหลังจากเราใช้เวลาในการพัฒนาแพลตฟอร์มมาตลอด 2 ปี วันนี้เรามีแอปพลิเคชัน Asap ที่เรามั่นใจว่ามีความพร้อมอย่างสูงในการตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกด้าน ทั้งการบริหารจัดการข้อมูล การเชื่อมต่อระบบเทเลเมติกส์ ระบบการชำระเงิน การเชื่อมกับระบบหลังบ้าน จึงมั่นใจว่าจะสามารถให้บริการลูกค้าทั้งในระดับคอนซูเมอร์ และลูกค้าองค์กรภายใต้ความต้องการที่เปลี่ยนไปในยุค New Normal ได้อย่างแน่นอน” คุณทรงวิทย์ กล่าวปิดท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง