TCAP อวดกำไรไตรมาส 1/68 โต 18.9% แตะ 1,710 ล้านบาท

นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความกดดันจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลให้แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ และกระทบต่อการดำเนินงานของกลุ่มธนชาตที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม TCAP ในฐานะบริษัทแม่ของกลุ่มได้กำหนดนโยบายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่บริษัทในเครือ โดยเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ เติบโตอย่างยั่งยืนและแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว
ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 1,830 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 1,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.9% จากไตรมาสก่อน (Q-Q) โดยสาเหตุหลักมาจากการตั้งสำรองด้านเครดิตจากลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลง ขณะเดียวกันรายได้จากการรับประกันภัยสุทธิเพิ่มขึ้นและการตั้งสำรองจากการด้อยค่ารถยึดจากสินเชื่อเช่าซื้อมีแนวโน้มลดลง
และเมื่อเปรียบเทียบกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ปีนี้กับไตรมาส 1 ปีก่อน (Y-Y) กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ใกล้เคียงเดิม รายได้จากการรับประกันภัยสุทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการบริหารค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยและค่าใช้จ่ายสุทธิจากสัญญาประกันภัยต่อที่ถือไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง จากการชะลอตัวของสินเชื่อเช่าซื้อ และอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับลดลง ประกอบกับการตั้งสำรองด้านเครดิตของบริษัทย่อยที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
“ในช่วงที่เหลือของปี เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มเติบโตได้ภายใต้ข้อจำกัดหลายประการ ทั้งจากความไม่แน่นอนของนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน และปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคธุรกิจ ที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเปราะบางอย่างมาก ด้วยเหตุผลนี้กลุ่มธนชาตจึงให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงทางการเงินของบริษัทย่อย โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและมีวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด รวมถึง TCAP ในฐานะบริษัทแม่ยังคงดำเนินกลยุทธ์การลงทุนอย่างถี่ถ้วน ในธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เพื่อให้มั่นใจได้ว่า TCAP จะยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่ดี และต่อยอดความสำเร็จของปีที่ผ่าน ๆ มาได้อย่างต่อเนื่อง” นายพีระพัฒน์ กล่าว
ด้านหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ เมื่อ 14 พ.ค. 2568 ว่า TCAP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 1,710 ลบ. ลดลง 1.1% YoY แต่โต 18.9% QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาด 4% ทั้งนี้ TCAP มีการปรับงบการเงินปี 2567 ย้อนหลังเล็กน้อย เพื่อรวมผลกระทบของมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS17 ทำให้กำไรสุทธิ ไตรมาส 1/67 ลดลง 1.9% ถือว่าไม่มีนัยส าคัญ โดยปัจจัยบวกหลักในไตรมาส 1/68มาจาก
1) การตั้งสำรองปรับลดลง 62.7% QoQ เพราะไม่มีการตั้งสำรองสำหรับบริษัท TNS (ธุรกิจหลักทรัพย์) เพื่อรองรับความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และลูกหนี้ที่เกิดจากการปิดสถานะซื้อขาย Block Trade เหมือนกับไตรมาส 4/67 และการตั้งสำรองของ THANI (เช่าซื้อรถบรรทุก) ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย โต 7.6% QoQ หลังมีกำไรจากธุรกิจ AMC เพิ่มขึ้น และมีรายการหนี้สูญรับคืนจาก THANI เพิ่มเข้ามา และ 3) ค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง 2% QoQ หลังผลขาดทุนจากการขายรถยึดของ THANI ปรับตัวลง
ขณะที่ในฝั่งรายได้ดอกเบี้ยปรับลดลง 4.5% QoQ หลังสินเชื่อรวมของ TCAP ลดลง 4.4% QoQ ทั้งจากการเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ของ THANI และสินเชื่อของ TPLUS ที่ปรับตัวลงตามการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ Our Take
สำหับกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 คิดเป็น 22.5% ของประมาณการทั้งปี เบื้องต้นหลักทรัพย์หยวนต้ายังคงประมาณการเดิม โดยคาดแนวโน้มผลดำเนินงานในไตรมาส 2/68 คาดลดลง YoY และ QoQ จากปัจจัยลบดังนี้ คือ
1) ผลด าเนินงานของ THANI คาดทรง QoQ แม้สำรองอาจปรับตัวลง แต่สินเชื่อรวมยังขยายตัวจำกัด เพราะบริษัทเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่
2) ส่วนแบ่งกำไรคาดชะลอตัวลง หลังกำไรสุทธิของ TTB มีทิศทางลดลง QoQ ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำลง และการชะลอการปล่อยสินเชื่อใหม่ หันมาเน้นเฉพาะกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูง อย่างกลุ่ม Cash Your Car และ Cash Your Home
และ 3) ธุรกิจตลาดทุนของ TNS คาดถูกกดดันจากมูลค่าซื้อขายของตลาดที่ชะลอตัวลง ก่อนที่จะกลับมาโต YoY อีกครั้งในช่วง ครึ่งหลังปี 2568 ที่ฐานค่อนข้างต่ำในปีก่อน และทำให้คาดทั้งปีจะมีกำไรสุทธิ 7,600 ล้านบาท โต 14.4% YoY
สำหรับมุมมองในการลงทุนหลักทรัพย์หยวนต้า มีมุมมองเป็นกลางต่อผลดำเนินงานไตรมาส 1/68 ของ TCAP และมองว่าความน่าสนใจของ TCAP อยู่ที่การจ่ายปันผลที่น่าสนใจ คาดอัตราการจ่ายปันผล (Div. Yield) ปี 2568 และปี 2569 ที่ 7.4% และ 8% ตามลำดับ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มองหาหุ้นปันผลสูง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ค่อนข้างจำกัด ทำให้เราคงคำแนะนำเพียงเทรดดิ้ง