รีเซต

ไทยระอุ! "จุดความร้อน" พุ่งทะยาน 4,215 จุด เปิด 3 จังหวัดที่พบมากสุด

ไทยระอุ! "จุดความร้อน" พุ่งทะยาน 4,215 จุด เปิด 3 จังหวัดที่พบมากสุด
TNN ช่อง16
6 เมษายน 2566 ( 12:01 )
91

ดาวเทียมตรวจพบ "จุดความร้อนไทย" วันที่ 5 เมษายน 2566 อยู่ที่  4,215 จุด ส่วนใหญ่พบในป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ เปิด 3 จังหวัดที่พบมากสุด?

GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 5 เมษายน 2566 ไทยพบจุดความร้อน 4,215 จุด โดยมีเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ยังคงนำสูงสุดอยู่ที่ 9,661 จุด , พม่า 8,143 จุด , เวียดนาม 1,078 จุด, กัมพูชา 599 และมาเลเซีย 30 จุด


สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุดถึง 2,376 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 1,131 จุด, พื้นที่เกษตร 322 จุด, พื้นที่เขต สปก. 182 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 180 จุด, และพื้นที่ริมทางหลวง 24 จุด 

ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ เชียงใหม่ 420 จุด, น่าน 377 จุด, และ เลย 334 จุด


ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 วันนี้ก็ทางภาคเหนือยังคงน่าเป็นห่วงมากเช่นเคย เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” แบบรายชั่วโมง เมื่อเวลา 10:00 น. ที่ผ่านมาพบหลายจังหวัดมีค่า PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง และมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะที่จังหวัด แม่ฮ่องสอน ที่มีค่า PM 2.5 สูงสุดกว่า 430 ไมโครกรัม ตามด้วย เชียงราย พะเยา น่าน เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ บึงกาฬ เลย หนองคาย ควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบค่าคุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง และมีบางพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ


สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ


ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น


อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่


ภาพจาก GISTDA

 


ภาพจาก GISTDA

 




ที่มา GISTDA

ภาพจาก GISTDA/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง