รีเซต

ชาวบ้านเอือม! ร้านกึ่งผับ เปิดเพลงดังหลังเที่ยงคืน บางบ้านสุดทนต้องย้ายหนี

ชาวบ้านเอือม! ร้านกึ่งผับ เปิดเพลงดังหลังเที่ยงคืน บางบ้านสุดทนต้องย้ายหนี
ข่าวสด
29 มีนาคม 2565 ( 14:15 )
55
ชาวบ้านเอือม! ร้านกึ่งผับ เปิดเพลงดังหลังเที่ยงคืน บางบ้านสุดทนต้องย้ายหนี

ทนมาหลายปี ชาวบ้านเดือดร้อน ร้านกึ่งผับเปิดเพลงดังหลังเที่ยงคืน ร้องเรียนหลายหน่วยงาน แต่ยังไม่มาแก้ไข วอนเจ้าของประกอบการ เห็นใจเพื่อนบ้านด้วย

 

วันที่ 29 มี.ค. 65 เพจเฟซบุ๊ก ขอนแก่นมีอะไรบอกด้วยช่วยเหลือแบ่งปันสารประโยชน์ โพสต์คลิปของชาวบ้านย่านถนนประชาสำราญ เขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยในคลิประบุว่า เวลาประมาณ 00.04 น. วันที่ 29 มี.ค. ร้านอาหารกึ่งผับหลายร้าน เปิดเพลงเสียงดัง จนสร้างความรำคาญชาวบ้าน เช่นเดียวกับคลิปของชาวบ้านอีกคนแม้ว่าจะมีการปิดกระจกทุกบาน แต่เสียงยังเข้ามาบ้านเสียงดังจนสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้าน จนถึงต้องมีโรคเกี่ยวกับช่องหู

 

นพ.มนต์สิทธิ์ อายุ 54 ปีชาว อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่บริเวณนี้มานานหลายสิบปี ได้รับผลกระทบจากเสียงเพลงที่ดัง ของสถานประกอบการ จนกระทั่งเมื่อมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สถานประกอบการปิดลง จนกระทั่งได้เปิดให้บริการอีกครั้ง แต่ตนก็ต้องทนกับเสียงเพลงที่ดังอีก

 

เพราะเนื่องจากมีสถานประกอบการ ได้นำเครื่องขยายเสียงออกมาตั้งภายนอกอาคาร แม้ว่าช่วงหัวค่ำเสียงเพลงจะไม่ดัง แต่ระยะหลัง ยิ่งดึกเสียงเพลงกลับดังมากสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้าน เพราะเป็นเวลาเกินเที่ยงคืน แต่ทางร้านก็ยังเปิดเพลงเสียง และยังมีการจำหน่ายสุราซึ่งถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งของจังหวัดขอนแก่น กับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นมานาน จนทำให้บางคนต้องย้ายบ้านหนีไป

 

แม้ว่าจะได้ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเทศบาลนครขอนแก่น ศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่น แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เสียงเพลงก็กลับมาดังเช่นเดิมซึ่งเป็นปัญหามานานมากกว่า 10 ปี ซึ่งตนก็ต้องเกิดอาการหูข้างขวาดับในปี 2558 ซึ่งเกิดจากการไม่ได้พักผ่อนที่เพียงพอและเครียด

 

นพ.มนต์สิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนเองเข้าใจถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างความเดือดร้อนในทุกอาชีพ แต่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดูแลสิ่งที่ผิดกฎหมาย ที่สร้างความเดือดร้อนและเบียดเบียนชาวบ้าน โดยเฉพาะการใช้เครื่องขยายเสียงที่พอเหมาะ ที่ไม่สร้างความเดือนร้อนให้กับเพื่อนบ้าน เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันได้ทั้งสถานประกอบการและชาวบ้าน โดยไม่มีการละเมิดสิทธิ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งตนเองก็เข้าใจถึงผลกระทบจากโควิดที่ผ่านมา แต่ทางผู้ประกอบการ ก็จะต้องเห็นใจเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง