รีเซต

ส่องยานแม่ 'SCBX' (เอสซีบี เอกซ์) หลังไทยพาณิชย์เปิดตัวธุรกิจใหม่

ส่องยานแม่ 'SCBX' (เอสซีบี เอกซ์) หลังไทยพาณิชย์เปิดตัวธุรกิจใหม่
TNN Wealth
23 กันยายน 2564 ( 11:56 )
297
ส่องยานแม่ 'SCBX' (เอสซีบี เอกซ์) หลังไทยพาณิชย์เปิดตัวธุรกิจใหม่

ข่าววันนี้ อีกหนึ่งกระแสฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ออกมาเปิดตัว "SCBX (เอสซีบี เอกซ์) " เขย่ากลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคสร้างบริษัทสู่หลากธุรกิจการเงินและแพลตฟอร์ม พร้อมวางเป้าดันมาร์เก็ตแคปแตะ 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 68 และหลังจากปรับเป็น SCBX มุ่งสู่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาค ส่งผลให้หุ้น SCB พุ่งแรง

 

ไทยพาณิชย์ปรับกลยุทธ์ฝ่ากระแส disrupt 

 


นายอาทิตย์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า ปี 68 จะเป็นการมาถึงของ decentralized finance technology การขยายตัวและการบุกของแพลตฟอร์มระดับโลกเข้าสู่ธุรกิจการเงิน พฤติกรรมของผู้บริโภคหลังโควิด (post-covid) รวมถึงกฎระเบียบข้อบังคับที่เปลี่ยนไปอย่างมาก จะทำให้รูปแบบการทำธุรกิจ ในแบบ intermediaries หรือการเป็นตัวกลางเก็บค่าธรรมเนียมของธนาคารแบบดั้งเดิมจะลดบทบาทลง 

 


เพราะจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังใหม่ของผู้บริโภคได้ ความสำคัญของธนาคารต่อผู้บริโภคจะลดลงและจะส่งผลลบต่อการให้มูลค่าอนาคตของนักลงทุนต่อธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 


แนวโน้มของการถูก disrupt นั้นเริ่มมาเมื่อหกปีก่อนและชัดเจนมากในอีกสามปีข้างหน้า SCB ได้ตั้งโจทย์และเพิ่มศักยภาพตัวเองมาโดยตลอด และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่สำคัญที่สุดในการตั้งคำถามแห่งอนาคตว่าในช่วงเวลาสามปีจากนี้ที่เข้มข้นที่สุด SCB จะต้องแปลงจึงจะสามารถสร้างคุณค่าใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นและผู้บริโภค รวมถึงสามารถเติบโตไปกับโลกใหม่ได้

 


SCB จึงจะต้องไม่จำกัดตัวเองอยู่ที่ธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิมอีกต่อไป หากแต่ต้องใช้ความเข้มแข็งทางการเงินของธุรกิจธนาคารปัจจุบันให้เป็นประโยชน์ เร่งขยายธุรกิจเชิงรุกเข้าสู่ธุรกิจการเงินประเภทอื่นที่ตลาดต้องการ และสร้างขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยี รวมถึงการบริหารจัดการแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยี ขนาดใหญ่ให้ทัดเทียมกับคู่แข่งระดับโลก เข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อที่จะอยู่รอดปลอดภัยในอีก 3-5 ปีข้างหน้านี้

 


โดยกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่งธนาคารควบคู่ไปกับการสร้างธุรกิจใหม่สำหรับอนาคตนั้น ในส่วนของธนาคารจะมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการปรับลดกระบวนการขั้นตอนต่างๆให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปให้มากที่สุดในทุกช่องทาง ธนาคารจะเน้นความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าเป็นที่ตั้ง

 


นายอาทิตย์ กล่าวว่า SCB จะไม่เท่ากับธนาคารในความหมายเดิมอีก แต่จะแปลงสภาพกลายเป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินที่มีธุรกิจธนาคารที่แข็งแรงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และจะขยายเข้าสู่ธุรกิจการเงินส่วนบุคคลที่มีการเติบโตสูงที่ธนาคารไม่สามารถตอบสนองได้ โดยแต่ละธุรกิจ SCB จะร่วมมือกับพันธมิตรระดับประเทศและระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่งที่จะเริ่มเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้

 


นอกจากการขยายเข้าสู่ธุรกิจการเงินส่วนบุคคลแล้ว SCB จะต้องยกระดับขีดความสามารถของกลุ่มในการสามารถสร้างและบริหารจัดการแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หลังจากนำร่องด้วย "โรบินฮู้ด ฟู้ดเดลิเวอรี" เป็นโครงการแรก เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันกับแพลตฟอร์มระดับโลก และได้สร้างขีดความสามารถของบุคลากรด้านเทคโนโลยี 

 


โดยเริ่มจากการก่อตั้งบริษัท "SCB Tech X" และบริษัท "Data X" ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อสร้างขีดความสามารถพื้นฐานด้านเทคโนโลยีภายในที่จะสามารถสร้างและ scale platform ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

 


นอกจากนั้น SCB จะขยายเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ในระดับโลกเพื่อเข้าสู่โลกการเงินแห่งอนาคตผ่าน SCB 10X และ บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) โดยการร่วมลงทุนและเป็นพันธมิตรกองทุนระดับโลก และการพัฒนาธุรกิจ digital asset ด้านต่างๆ ใน business model ใหม่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มในระยะยาวโดยการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในครั้งนี้เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจในภาพรวมผ่านการจัดตั้งบริษัทใหม่ที่ธนาคารเรียกว่าเป็น "ยานแม่" หรือ "Mother hood" ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ คือ เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) 

 


ซึ่งจะเป็นบริษัทใหม่ที่ธนาคารจะเปลี่ยนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBX) ซึ่งเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดจากกฎระเบียบแบบเดิมที่ธนาคารทำไม่ได้ ทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น และสามารถลงทุนในธุรกิจอื่นๆที่ต่อยอดการเติบโตได้

 


สำหรับการปรับโครงสร้างธุรกิจมาเป็น SCBX ครั้งนี้ ตามแผนงาน 5 ปีที่ตั้งไว้ถึงปี 68 จะตั้งเป้าขึ้นเป็นบริษัทในระดับภูมิภาคและนานาชาติ จะครอบคลุมการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 ล้านราย สามารถผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า (Quality Earning 2X) และผลักดันมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาด (Market Cap) ของ SCBX แตะ 1 ล้านล้านบาทภายในปี 68

 


ด้านการต่อยอดการเติบโตของธุรกิจภายใต้การดำเนินการของ SCBX จะมีการนำธุรกิจในเครือของ SCB เข้าไปจัดตั้งบริษัทย่อยต่างๆราว 15-16 บริษัท เพื่อให้คล่องตัวมากขึ้น และสามารถรุกขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่ โดยมีทีมผู้บริหารจาก SCB เข้าไปบริหารงานในบริษัทย่อยต่างๆ

 

  • CardX ธุรกิจบัตรเครดิตออกจากบริษัท
  • Alpha X เป็นการร่วมมือกับ Millennium Group  ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อสำหรับรถหรู
  • Auto X ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
  • Tech X ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกทำธุรกิจเทคโนโลยี
  • AISCB เป็นการร่วมมือกับ AIS ทำสินเชื่อดิจิทัล
  • Robinhood ธุรกิจส่งอาหาร
  • CPG-SCB VC Fund ร่วมมือกับเครือซีพี จัดตั้ง VC Fund และธุรกิจอื่น ๆ ที่จะมีการจัดตั้งเพิ่มเติม  คือ Data X, SCB Securities, TokenX, SCBABACUS และ monix



ในส่วนของ SCBX แม้ว่าจะเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ แต่ยังคงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีธุรกิจในเครือที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงิน แต่ในส่วนของใบอนุญาตต่างๆทางบริษัทในเครือจะเป็นผู้ขอใบอนุญาตในการดำเนินกิจการ ไม่เกี่ยวข้องกับ SCBX 

 


และในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ลูกค้ายังคงใช้บริการเงินฝาก สินเชื่อ และบริการอื่นๆ ยังคงมีการบริการลูกค้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีการรีแบรนด์ธนาคารไทยพาณิชย์ใหม่

 

หุ้น SCB พุ่งแรงหลังปรับเป็น SCBX มุ่งสู่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาค

 

ราคาหุ้น SCB พุ่ง 18.26% หรือเพิ่มขึ้น 20 บาท มาที่ 129.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2,401 ล้านบาท  จากราคาเปิด 131 บาท ราคาขึ้นไปสูงสุด 137 บาท ราคาต่ำสุด 130.50 บาท โดยบล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 139 บาท ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จากการที่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ประกาศจัดตั้ง SCBx เป็นบริษัทแม่ (Holding Company) 

 


และจะมีการแลกหุ้น (Share Swap) 1:1 ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้น SCB เดิมที่เป็นธุรกิจธนาคาร เปลี่ยนไปถือหุ้น SCBx ที่เป็นบริษัทแม่แทน และทำการ List หุ้นของ SCBx เพื่อซื้อขายในตลาดฯ แทนที่ SCB ที่จะถูก Delist (คาดเกิดต้นปี 65)

 


จากนั้นจะมีการจ่ายปันผลพิเศษจากกำไรของ SCB 70,000 ล้านบาท ให้แก่ SCBx โดยราว 70% เป็นค่าใช้จ่ายในการโอนบริษัทย่อย และอีกราว 30% เป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น (คาดเกิดกลางปี 65) ซึ่งหากอิงตามราคาหุ้น SCB ล่าสุดคิดเป็น Div.Yield ราว 5.6%

 


การปรับโครงสร้างดังกล่าว จะทำให้ SCB ซึ่งเป็นธุรกิจธนาคารยังดำเนินการตามเดิมภายใต้ SCBx ซึ่งถือเป็นธุรกิจ Cash Cow เช่นเดียวกับธุรกิจประกันและกองทุนรวม 

 


ขณะที่ธุรกิจอื่นที่มีโอกาสเติบโตจะแยกออกมาบริษัทย่อยภายใต้ SCBx อาทิ Card X (ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่โยกมาจาก SCB Bank), Auto X (จัดตั้งใหม่ดำเนินงานแยกกับ My Car My Cash ที่ยังอยู่ภายใต้ SCB Bank เพื่อทำธุรกิจรถแลกเงินที่เน้นในกลุ่มรากหญ้า)

 


Alpha X (จัดตั้งใหม่ JV กับ MGC Group ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถหรู), SCB Securities (ธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งจะไปเน้นในสินทรัพย์ดิจิตอลมากขึ้น), AISCB (JV ร่วมกับ ADVANC ปล่อยสินเชื่อดิติตอล), Venture Capital ที่จัดตั้งร่วมกับ CP Group (ทำธุรกิจ Fintech เช่น Blockchain, Decentralized Finance), ฯลฯ

 


ซึ่งจะทำให้ธุรกิจที่แยกออกมาจาก SCB Bank ไม่ถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ของธุรกิจธนาคาร และตั้งเป้าภายใน 3-5 ปีจะนำบริษัทย่อยต่างๆ เข้าจดทะเบียน IPO ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกทั้งโอกาสในการเติบโตและมูลค่าของบริษัทย่อย

 


โดยบริษัทตั้งเป้าภายใน 5 ปี ข้างหน้าจะมี (1) ฐานลูกค้าจากทั้ง ASEAN (ไม่เฉพาะธุรกิจสินเชื่อ แต่รวมถึงการใช้บริการ Platform ต่างๆ) ราว 200 ล้านคน (2) มี Market Cap รวมที่ 1 ล้านล้านบาท (3) กำไรเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า และรายได้ราว 1 ใน 3 จะมาจากธุรกิจใหม่ (4) เป็นผู้นำในด้านสินทรัพย์ดิจิตอล (5) เป็นผู้นำในด้าน Tech/AI Data analytics

 


ด้าน บล.ทรีนีตี้ มองว่าแผนการปรับโครงสร้างดังกล่าว ปัจจัยที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มจะมาจากการเติบโตของธุรกิจใหม่ที่เป็น Growth Business แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีการประกาศเป้าหมายทางการเงินของแต่ละธุรกิจย่อย (ซึ่งบางส่วนเพิ่งเริ่มจัดตั้ง) แต่เราเห็นโอกาสในการเติบโตที่ดีมากขึ้น

 

 

SCB ปรับใหญ่ตั้งโฮลดิ้งส์ SCBX ก้าวสู่กลุ่มธุรกิจเทคฯ

 


ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่จัดตั้งโฮลดิ้งส์ภายใต้ชื่อ SCBX (เอสซีบี เอกซ์) เพิ่มความคล่องตัวและขีดความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคสร้างบริษัทสู่หลากธุรกิจการเงินและแพลตฟอร์ม วางรากฐานรองรับบริบทใหม่ของโลก

 


นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวว่า SCB จะกลายเป็นกลุ่มบริษัทที่มีธุรกิจการเงินและแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยี (technology platform) ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการใหม่ของผู้บริโภคและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในระดับโลกได้อย่างทัดเทียม เพื่อสร้างมูลค่าใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นทดแทนธุรกิจธนาคารที่อาจจะมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที

 


ที่ประชุมคณะกรรมการ SCB อนุมัติแผนปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงินและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยธนาคารจัดตั้ง บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) หรือปัจจุบันใช้ชื่อว่า บมจ.ไทยพาณิชย์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนชื่อเป็น SCBX ซึ่งจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารจากผู้ถือหุ้น 

 


ด้วยการออกและเสนอขายหุ้นามัญเพิ่มทุนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของธนาคาร (Share Swap) ในอัตราการแลกเท่ากับ 1 หุ้นสามัญของธนาคารต่อ 1 หุ้นสามัญของ SCBX และ 1 หุ้นบุริมสิทธิของธนาคารต่อ 1 หุ้นของ SCBX

 


ซึ่งในการทำคำเสนอซื้อดังกล่าว SCB จะยกเลิกคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ หากจำนวนหุ้นที่มีผู้แสดงเจตนาขายมีจำนวนน้อยกว่า 90% ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของธนาคาร และภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารเสร็จสิ้น หลักทรัพย์ของ SCBX จะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทน SCB ซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันเดียวกัน

 


พร้อมกันนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการ SCB ยังอนุมัติการโอนย้ายบริษัทย่อยและการโอนธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น ให้แก่ SCBX หรือบริษัทย่อยของ SCBX โดย ธนาคารประมาณการว่ามูลค่ารวมของการโอนย้ายบริษัทย่อยจะอยู่ที่ประมาณ 19,504 ล้านบาท

 


ธนาคารจะโอนธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ให้แก่บริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ของ SCBX โดย SCBX จะถือหุ้นในบริษัทย่อยดังกล่าวเกือบทั้งสิ้น (ร้อยละ 99.99) หรือ Card X เพื่อมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน

 


โดยในส่วนของสิทธิเรียกร้องที่ เป็นคดีความ และสิทธิเรียกร้องที่ค้างชำระที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มี หลักประกันนั้น ธนาคารจะโอนให้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งจะถูกจัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทย่อยของ Card Xทั้งนี้ การโอนธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ มีหลักประกัน รวมถึงการจัดตั้ง CardX และบริษัทบริหารสินทรัพย์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างการ ถือหุ้นของธนาคาร

 


นอกจากนั้น คณะกรรมการธนาคารยังอนุมัติหลักการที่จะให้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิประจำปี และกำไรสะสมตามงบการเงินเฉพาะล่าสุดของธนาคารประมาณ 70,000 ล้านบาท ให้แก่ SCBX และผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ 

 


โดยธนาคารคาดว่าเงินปันผลส่วนใหญ่ที่ธนาคารจะจ่ายให้กับ SCBX จะถูกใช้เพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับการรับโอนบริษัท ย่อยและธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน และ เป็นเงินลงทุนสำหรับ SCBX ในการขยายธุรกิจในอนาคต รวมทั้งเพื่อเป็นเงินปันผลที่ SCBX จะพิจารณาจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นภายหลังการแลกหุ้น

 


ในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งนี้จะทำให้เงินกองทุนของธนาคารลดลง แต่จะยังมี ระดับเงินกองทุนที่เพียงพอให้ธนาคารดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง และจะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทาง การเงินของธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ

 


ทั้งนี้ ธนาคารได้ดำเนินการแต่งตั้ง บล.เกียรตินาคินภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นแก่ผู้ถือหุ้นของธนาคาร โดยได้พิจารณากำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 6 ต.ค.64

 

 

AIS จับมือ ไทยพาณิชย์ ร่วมทุนตั้งบริษัท 'เอไอเอสซีบี' ให้บริการด้านการเงินดิจิทัล

 

“เอไอเอส” จับมือ “ไทยพาณิชย์” ประกาศลงนามสัญญาร่วมทุนเพื่อจัดตั้งบริษัท “เอไอเอสซีบี” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในไทยที่ผู้นำในสองอุตสาหกรรมหลักของประเทศ Telco และ ธนาคาร ร่วมทุนกันเพื่อให้บริการทางการเงิน โดยเตรียมให้บริการด้านการเงินดิจิทัล เพิ่มโอกาสให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงิน

 


“เอไอเอส” และ “ธนาคารไทยพาณิชย์” ประกาศบรรลุข้อตกลงและลงนามในสัญญาร่วมทุน ในการจัดตั้งบริษัทในชื่อ “เอไอเอสซีบี” (AISCB) เพื่อให้บริการด้านการเงินดิจิทัล เช่น บริการด้านสินเชื่อ ก่อนขยายสู่บริการทางการเงินอื่น ๆ ต่อไป นับเป็นก้าวสำคัญในการผนึกกำลังสร้างฐานธุรกิจแห่งการเติบโตในรูปแบบใหม่ให้กับทั้งสององค์กรชั้นนำระดับประเทศ

 


บริษัทร่วมทุนดังกล่าวได้นำเอาจุดเด่นของพันธมิตรทั้งสอง คือ ความแข็งแกร่งทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ นวัตกรรมอันล้ำสมัย ตลอดจนศักยภาพในการให้บริการลูกค้าของเอไอเอส มาผสานเข้ากับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ 

 


รวมถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านบริการทางการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมและบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัลที่จะสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับคนไทยได้มากยิ่งขึ้นท่ามกลางบริบทของโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 


ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง “เอไอเอส” และ “ธนาคารไทยพาณิชย์” ในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยที่บริษัทชั้นนำในสองอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ได้แก่ Telco และสถาบันการเงิน ร่วมทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์คนในวงกว้างโดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ 

 


โดยทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบันอย่างแน่นอน

 

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง