"Aramco "กำไรลด ต้นทุนเพิ่ม แต่ยัง"ปันผลสูง"

ซาอุดี อารามโค (Saudi Aramco) บริษัทน้ำมันแห่งชาติยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.) โดยมีกำไรสุทธิลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากยอดขายน้ำมันที่ลดลง ประกอบกับต้นทุนในการดำเนินงานที่สูงขึ้น

บริษัทมีกำไรสุทธิใน Q1/68 อยู่ที่ 9.754 หมื่นล้านริยาล (2.601 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) แม้ตัวเลขจะลดลง แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 2.536 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

อารามโคยืนยันว่าจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นรวม 2.136 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับไตรมาสแรกนี้ โดยในจำนวนนี้มีเงินปันผลพิเศษอิงตามผลการดำเนินงานอยู่ 219 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นนโยบายที่เริ่มใช้หลังจากบริษัทเคยได้กำไรมหาศาลจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงในปี 2565 จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

กระแสเงินสดอิสระของอารามโคในไตรมาสแรกนี้อยู่ที่ 1.92 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 15.8% จากปีก่อนหน้า

ในไตรมาสแรก อารามโคใช้จ่ายเงินลงทุน (Capex) ไปกว่า 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.9% จากปีก่อนหน้า บริษัทได้วางแผนการลงทุนรวม ทั้ง Capex และการลงทุนภายนอกอื่น ๆ ไว้ที่ประมาณ 5.2-5.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับปีนี้ โดยปีที่แล้วมีการใช้จ่าย Capex ไปทั้งสิ้น 5.04 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

อามิน นัสเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอารามโค กล่าวว่า "พลวัตการค้าโลกส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อราคาน้ำมัน"

อย่างไรก็ตาม นัสเซอร์ย้ำว่า ผลประกอบการของอารามโคยังคงแสดงให้เห็นถึงจุดแข็งของบริษัทในการดำเนินงานด้วยต้นทุนที่ต่ำ

ทั้งนี้ อารามโคเปรียบเสมือน "เครื่องจักรทำเงิน" หลักให้กับรัฐบาลซาอุฯ มาโดยตลอด ในปีที่แล้ว รายได้จากน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนถึง 62% ของรายได้ทั้งหมดของรัฐบาล กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า ซาอุฯ จำเป็นต้องขายน้ำมันในราคาเฉลี่ย 92.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปีนี้ เพื่อให้งบประมาณของประเทศสมดุล