วรรณ ส่งตัวท็อปกองประหยัดภาษี ONE-THAIESGผลตอบแทนสุดปัง
#บลจ.วรรณ#ทันหุ้น บลจ.วรรณ สนับสนุนลงทุนยั่งยืน จัดส่ง กองทุน ONE-THAIESG ลุยโค้งท้ายวางแผนภาษี ปี2567 พร้อมโชว์ผลตอบแทนที่เคลมได้ว่าสูงสุด ของกลุ่มThaiESG โดย YTD อยู่ที่ +6.62% (ข้อมูล 21 พ.ย. 2567) ชี้จังหวะลงทุนเพื่อเปิดรับอัพไซด์ 13-14% ในปี2568 ด้วยเป้าหมายดัชนี 1,650 จุด ทรัมป์มา อาจดี นักลงทุนจีนย้ายฐานผลิตมาไทย หนุน เศรษฐกิจแกร่ง
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ จำกัด หรือ บลจ.วรรณ กล่าวว่า โค้งสุดท้ายปลายปีของการวางแผนลดหน่อยภาษี บริษัทให้การสนับสนุนลงทุนอย่างยั่งยืนผ่านกองทุน ThaiESGซึ่งบลจ.วรรณ แนะนำ กองทุนเปิด วรรณ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน (ONE-THAIESG)ซึ่งเป็นกองทุนที่สร้างผลการดำเนินงานได้อย่างโดดเด่น ด้วยลตอบแทน YTD อยู่ที่ +6.62%, ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนอยู่ที่ -2.66%,ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ +7.96%, และผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ +7.47% (ที่มา: settrade ข้อมูล ณ วันที่ 21 พ.ย. 2567)
*จังหวะลงทุนหุ้นไทยมีอัพไซด์
“เนื่องจากเรามีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นไทยทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ดังนั้น บลจ.วรรณจึงไม่ได้มีแผนจะออกกองทุน ThaiESGที่ลงทุนในตราสารหนี้ รวมถึงกองทุนผสม เนื่องจากเชื่อมั่นว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีอัพไซด์ได้อีกราว 13-14% ในปี2568ซึ่งเราประเมินว่าดัชนีจะปรับขึ้นไปสู่ 1,650 จุด จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1,440 จุด ด้วยมุมมองดังกล่าวเราคิดว่าถ้าลงหุ้นไทยน่าจะได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากอัพไซด์ดังกล่าว”
นายพจน์ กล่าวต่อไปว่า กองทุน ThaiESG เป็นการลงทุนระยะยาว 5 ปี นับจากวันที่ลงทุน – วันชนวัน ซึ่งการเข้าลงทุนในหุ้นไทย ณ ระดับปัจจุบัน เป้นจังหวะที่เหมาะสม เนื่องจาก บลจ. วรรณ มองเห็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการเติบโตของหุ้นจากจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการมาของ ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ โดนัล ทรัมป์ ที่มีแผยจะขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐ โดยเฉพาจีน ที่ระดับ 60% น่าจะเห็นการย้ายฐานผลิตมาที่ไทยมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลในอดีตที่ทรัมป์เป้นประธานธิบดีครั้งแรก และดำเนินนโยบายกีดกันการค้ากลับจีน มีผู้ประกอบการจำนวนมากมาขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งในครั้งนี้ก็คาดว่าจะไม่ต่างกัน
นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีปัจจัยหนุน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน การเร่งเบิกจ่ายงบของภาครัฐ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวไทยก็ยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 จากมุมมองดังกล่าว ทำให้ บลจ.วรรณ มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นไทย
ทั้งนี้ กองทุน ONE-THAIESG มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) บนกระดานหลัก หรือกระดานเอ็ม เอ ไอ (mai) ที่ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (Environmental, Social and Governance: ESG) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
*เปิดพอร์ตหุ้นESG กอง ONE-THAIESG
พอร์ตลงทุน ของ กองทุน ONE-THAIESG ณ 31 ตุลาคม 2567 หลักทรัพย์ 5 อันดับแรก บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ในสัดส่วน 8.38% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ในสัดส่วน 7.58%, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOTในสัดส่วน 6.80%, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CAPLL ในสัดส่วน 5.63% และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GULFในสัดส้วน 5.61%
ปัจจุบันในภาคอุตสาหกรรมกองทุนรวม มีกองทุน ThaiESG จำนวน 42 จาก 16 บลจ.และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเสนอขาย กองทุน ThaiESGกองใหม่ๆ ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในช่วงโค้งสุดท้ายของการลงทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดย ณ ปัจจุบัน (31 ต.ค.67) ทั้งจำนวนกองทุนที่นำเสนอ และยอดรวมมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การจัดการได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเที่ยบกับจำนวน ณ สิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา (AUM รวมจาก 6,400 ล้านบาท เพิ่มเป็น 11,596 ล้านบาท และจาก 22 กองทุน เพิ่มเป็น 42 กองทุน)
สำหรับอุตสาหกรรมจัดการลงทุนได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อเนื่อง 3ปี ตามระยะเวลาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ภาครัฐให้มา จากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งได้ร่วมกันสนับสนุนการจัด BIG Campaign “โครงการส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยผ่านทางกองทุน ThaiESG - ลงทุนยั่งยืน พร้อมคืนภาษี” โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแนวคิดของ ESG และการลงทุนยั่งยืนให้แก่ประชาชนไทย สร้างการรับรู้และความตระหนักถึงความสำคัญของการออมและการลงทุนระยะยาว รวมถึงการกระตุ้นให้มีการลงทุนผู้ลงทุนผ่าน Thailand ESG Fund ให้ได้ตามเป้าหมายที่คาดหวัง
ทั้งนี้ สมาคมบริษัทจัดการลงทุนและสมาชิกบริษัทจัดการลงทุน 16 แห่ง มีแนวทางในการปรับพฤติกรรมการลงทุนของผู้ลงทุนไทยในกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่เกือบทั้งหมดจะลงทุนเฉพาะตอนปลายปี จึงมีแผนการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาโครงการ เพื่อให้เกิดการลงทุนอย่างสมำเสมอ ต่อเนื่อง เพื่อผลตอบแทนที่ดีตามหลักการ DCA