'ซูเปอร์โพล' เผยผลสำรวจ กว่าครึ่งของประชาชน ต้องการ "ที่ดินทำกิน" ตามด้วย "รายได้ที่มั่นคง"
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อํานวยการสํานักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสํารวจ เรื่อง ปัญหาที่ดินทํากินของประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดําเนินดําเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)จํานวน 1,105 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 2 – 5 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนยังขาดและต้องการ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.8 ระบุ ที่ดินทํากิน รองลงมาคือ ร้อยละ 43.5 ระบุ รายได้ที่มั่นคง ร้อยละ 28.1 ระบุ ที่อยู่อาศัย ร้อยละ 15.2 ระบุ อาชีพการงาน และร้อยละ11.5 ระบุ ความรู้ การศึกษาใช้ประโยชน์ได้จริง ตามลําดับ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 94.5 รับรู้ว่ารัฐบาลให้ความสําคัญแก้ปัญหาที่ดินทํากินของประชาชนเป็นรูปธรรมมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา ในขณะที่ร้อยละ5.5 ระบุ ไม่ทราบ
ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.2 พอใจที่มีการช่วยเหลือประชาชนให้มีที่ดินทํากินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และการบริหารจัดการที่ดินในรูปแบบต่างๆ เช่น ในพื้นที่ป่าไม้ ป่าสงวนฯ ที่ดิน ส.ป.ก. เป็นต้น ร้อยละ 92.7 พอใจที่มีการจัดหาและจัดสรรที่ดินทํากินและแหล่งที่อยู่อาศัยให้ชุมชนและประชาชนอย่างถูก
กฎหมาย ร้อยละ 91.8 พอใจที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและได้รับคําแนะนําใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจากที่ดินที่ได้รับอย่างเป็นรูปธรรม ร้อยละ 91.5 พอใจที่มีการส่งเสริมอาชีพและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ ร้อยละ 90.9 พอใจที่มีรายได้มั่นคงกว่าแต่ก่อนในอดีตที่อยู่อย่างผิดกฎหมาย และร้อยละ 89.7 พอใจที่มีการจัดตั้งหน่วยงานหลัก รับผิดชอบขับเคลื่อนปัญหาที่ดินทํากิน เช่น สํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.7 ยังต้องการทุนเพิ่มจากแหล่งทุน ในการพัฒนาที่ดินและอาชีพ และ ร้อยละ 93.8 ต้องการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด ในขณะที่ ร้อยละ 85.7 ต้องการให้เร่งขยายพื้นที่ตัวอย่างความสําเร็จ เพื่อกระจายการถือครองและใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเป็นธรรมให้ครอบคลุมทั่วประเทศโดยเร็ว
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาที่ดินทํากินและการใช้ประโยชน์มีความสําคัญ โดยพบว่า ประชาชนยังขาดและมีความต้องการที่ดินทํากิน ในขณะที่รัฐต้องการให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินทํากินสูงสุดโดยไม่รุกล้ําพื้นที่สงวนตามกฎหมาย โดยส่วนใหญ่รับรู้ว่า รัฐบาลจริงจังและให้ความสําคัญแก้ปัญหาที่ดินทํากิน
ของประชาชนเป็นรูปธรรมมากกว่าอดีตที่ผ่านมา และพอใจต่อการแก้ปัญหาและรูปแบบการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนจากที่ดินของรัฐ โดยทราบถึงการจัดตั้งหน่วยงานหลักขึ้นรับผิดชอบขับเคลื่อน และจัดทําต้นแบบการกระจายใช้ประโยชน์ที่ดินในรูปแบบต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ได้รับประโยชน์แล้วและที่ยังขาดโอกาส ต้องการให้รัฐบาล เร่งนํารูปแบบและตัวอย่างความสําเร็จ กระจายลงในทุกพื้นที่ในแต่ละภาคที่ยังมีปัญหาโดยเร็ว และที่น่าสนใจ คือ ยังต้องการแหล่งทุนเพิ่มในการพัฒนาพื้นที่ การส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด เพื่อให้เข้มแข็ง สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเองในลักษณะวิสาหกิจชุมชน บนหลักพื้นฐานของเศรษฐกิจพอเพียง สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน
ตารางที่ 1 แสดง 5 อันดับค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ สิ่งที่ประชาชนยังขาดและต้องกา
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ การรับรู้ต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาที่ดินทํากินของประชาชน
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความเห็นและความพอใจต่อการแก้ปัญหาที่ดินทํากินของรัฐบาล