ปธน.ยูเครนร้องชาติตะวันตก อย่าสร้างความตื่นตระหนก ปูตินซัด ข้อกังวลรัสเซียโดนเมิน
ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดที่เสี่ยงนำยุโรปเข้าใกล้สงครามจากการเผชิญหน้าระหว่างยูเครนกับรัสเซีย มีท่าทีล่าสุดจากประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เมื่อวันศุกร์(29 ม.ค.) ที่กล่าวร้องขอให้ชาติตะวันตกอย่าสร้างความตื่นตระหนก โดยชี้ว่าการออกมาเตือนหลายครั้งว่าการบุกรุกรานใกล้จะเกิดขึ้นนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อยูเครนที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในความเสี่ยง และว่า ความไม่มั่นของสถานการณ์ภายในประเทศ เป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับยูเครน
“มีสัญญาณเตือนที่แม้กระทั่งมาจากผู้นำหลายชาติที่น่านับถือ เพียงเขาแค่พูดว่าพรุ่งจะเกิดสงคราม นี่เป็นความตื่นตระหนก ที่จะส่งผลกระทบกับประเทศของเรามากแค่ไหน?” ประธานาธิบดีเซเลสกีกล่าวกับผู้สื่อข่าว
ในวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ออกมาเปิดเผยว่า เขาจะส่งกำลังทหารจำนวนหนึ่งไปยังยุโรปตะวันออกในเวลาอันใกล้นี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต)ในภูมิภาคดังกล่าว แต่ไบเดนไม่ได้ระบุชัดว่าจะส่งกำลังพลเข้าไปยังที่ใดและเมื่อไร หลังจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่ากองกำลังพร้อมต่อสู้ราว 8,500 นายของสหรัฐ พร้อมที่จะเคลื่อนกำลังได้ในเวลาอันสั้น
ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่ได้พูดคุยหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส นานกว่า 1 ชั่วโมงในช่วงเช้าวันเดียวกัน กล่าวว่า ชาติตะวันตกเมินเฉยต่อข้อห่วงกังวลด้านความมั่นคงของรัสเซีย อย่างไรก็ดีปูตินกล่าวว่าเขาจะศึกษาการตอบสนองของสหรัฐที่ยื่นมาก่อนหน้านี้ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะทำสิ่งใดต่อไป
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้สหรัฐได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัสเซียที่ห้ามยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต แต่ขณะเดียวกันก็ได้ยื่นเสนอแนวทางออกทางการทูตให้กับรัสเซีย
ด้านประธานาธิบดีมาครงเผยถึงผลการหารือกับประธานาธิบดีปูตินว่า ผู้นำทั้งสองชาติเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นที่จะต้องลดการขยายความรุนแรง โดยนายมาครงยังกล่าวย้ำกับปูตินว่ารัสเซียจะต้องเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน