เปิดศึกกลางไฟแดง แย่งพื้นที่ขายของ อ้างเป็นเจ้าถิ่น ห้ามคนอื่นขาย พาพวกมาขู่

เปิดศึกกลางไฟแดง แย่งพื้นที่ขายของ แม่ค้าพวงมาลัยอ้างเป็นเจ้าถิ่น ห้ามคนอื่นขาย พาพวกมาขู่ยิง ด้านผอ.แขวงทางหลวงชัยภูมิ มีคำสั่งห้ามขายของทุกพื้นที่จุดไฟแดง

วันที่ 18 มิ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปบริเวณสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชัยภูมิ เป็นเหตุการณ์แย่งพื้นที่ค้าขายกันที่บริเวณดังกล่าว ระหว่างคนขายพวงมาลัย กับแม่ค้าขายลูกตาลสด พร้อมระบุข้อความว่า ขณะไปขายตาลที่สี่แยก แล้วคนพวกนี้เขาบอกว่า เขาได้ซื้อไฟแดงนี้เอาไว้แล้ว พวกเรามีสิทธิ์ไปขายได้ไง พอทางตำรวจมาเคลียร์ให้ตกลงกันว่าให้ขายได้ แต่พอตำรวจกลับก็มาหาเรื่องเราอีกหาว่าไปก่อกวนพูดไม่รู้เรื่อง ว่าเขาไม่ให้ขาย แต่ยังจะขายกันอีก และโทรตามพวกมาจะให้มากระทืบเรา

โดยผู้ชายรายหนึ่งบอกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน โนนดู่อำเภอสีดาโคราชและมีลูกเป็นผู้ใหญ่บ้านที่สีดาเหมือนกัน อยากขอความเป็นธรรมหน่อยค่ะ ของเราก็ไม่ได้ขายตาล เก็บไว้นานก็จะเสีย ลงทุนไปเยอะแล้วมาเจอแบบนี้ ภาระก็เยอะลูกก็เรียน 3 คน แยกตรงนี้ใครมาขายก็ไม่ได้ เพราะพวกนี้มาขู่จะยิง ทั้งนี้คนขายพวงมาลัยยังกล่าวอ้างว่าได้จ่ายส่วยค่าที่ขายของแยกไฟแดงนี้ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงยศร้อยตำรวจโท

ล่าสุด นายจักกฤษ บุญเรืองศรี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชัยภูมิ เผยว่า ขณะนี้ตนเองได้ทราบเรื่องราวและได้ชมคลิปแล้ว โดยจะได้เชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุยใน เรื่องราวที่เกิดขึ้น เบื้องต้นไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าคนขายพวงมาลัยมีพฤติกรรมแอบอ้างและอ้างตัวเป็นเจ้าถิ่น โดยพาดพิงว่ามีการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงยศร้อยตำรวจโทนายหนึ่ง

เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีผู้ใดเข้ามาขายในพื้นที่ไฟแดงแห่งนี้ ทั้งยังยอมรับว่าการจำหน่ายสินค้าตามแยกไฟแดงมีแทบทุกพื้นที่ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาเราจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

เบื้องต้นจะมีคำสั่งให้ห้ามขายของทุกพื้นที่จุดไฟแดงในเขตรับผิดชอบ และยังแจ้งข้อกล่าวหากับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายในข้อหามาตรา 44 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อขายแจกจ่าย หรือเรี่ยไรบนทางจราจรและไหล่ทาง ต่อจากนี้หากมีการพบเห็นผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

ด้าน ร.ต.ท.ชัยยงค์ ชมเชย ตำรวจทางหลวงชัยภูมิ ที่ถูกคนขายพวงมาลัยแอบอ้างชื่อ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นจากคำแอบอ้างของคนขายพวงมาลัย ซึ่งคำแอบอ้างดังกล่าวทำให้ตนเองและองค์กรได้รับความเสียหาย จึงจะเดินทางเข้าแจ้งความกับบุคคลดังกล่าวเพื่อดำเนินคดี ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ ต่อไป