อังกฤษร้อนทะลุ 40°C อาจกลายเป็นเรื่องปกติ นักวิทย์เตือนโลกเดือดเร็วกว่าที่คิด

หลายพื้นที่ในอังกฤษเตรียมรับมือคลื่นความร้อนระลอกแรกของปี 2025 โดยกรมอุตุนิยมวิทยาอังกฤษ (Met Office) ออกประกาศเตือนภัยระดับ “สีเหลือง” ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยเรื้อรัง คาดว่าอุณหภูมิในลอนดอนจะพุ่งสูงถึง 31°C และอาจอยู่ในระดับคลื่นความร้อนนานถึง 3 วันติด
ย้อนกลับไปในปี 2022 อังกฤษเผชิญอุณหภูมิทะลุ 40°C เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยจุดสูงสุดอยู่ที่เมืองคอนนิงส์บีในลินคอล์นเชอร์ซึ่งวัดได้ถึง 40.3°C นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสร้างความเสียหายรุนแรง ทั้งไฟป่าที่ลุกลามรวดเร็ว ระบบขนส่งสาธารณะล่ม และมีผู้เสียชีวิตจากความร้อนเกิน 3,000 คนในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 17–20 กรกฎาคม มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 คนในกลุ่มผู้สูงวัย
รายงานล่าสุดจาก Met Office ชี้ว่า โอกาสที่อังกฤษจะเจอวันร้อนจัดระดับ 40°C อีกครั้งภายใน 12 ปีข้างหน้ามีสูงถึง 50% ซึ่งสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับทศวรรษ 1960 ที่โอกาสเกิดมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้แบบจำลองภูมิอากาศยังระบุว่า อุณหภูมิอาจพุ่งถึง 46.6°C ได้ในอนาคต หากภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินต่อไป สิ่งที่น่ากังวลคือ คลื่นความร้อนไม่ได้มาแค่เป็นระลอกสั้น ๆ แต่กำลังอยู่ยาวนานขึ้นในแต่ละครั้ง จากเดิมที่ในอดีต (เช่น ปี 1976) ความร้อนระดับ 28°C ติดต่อกันสองสัปดาห์ถือว่าน่าตกใจ แต่ในปัจจุบัน คลื่นความร้อนระดับเดียวกันอาจยาวนานเป็นเดือน
ทั่วทั้งยุโรปก็ไม่ต่างกัน ประเทศอย่างสเปน ฝรั่งเศส เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ต่างเผชิญอุณหภูมิสูงเช่นกัน เช่น เซบีญาในสเปนคาดว่าจะร้อนถึง 40°C และปารีสในฝรั่งเศสจะร้อนถึง 35°C ในสุดสัปดาห์นี้ นักอุตุนิยมวิทยาระบุว่า การเกิดคลื่นความร้อนเร็วขึ้น ยาวนานขึ้น และรุนแรงขึ้น เป็นผลโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งกำลังกลายเป็นความจริงที่ทุกประเทศต้องรับมือ
รัฐบาลอังกฤษมีมาตรการปรับตัวหลายด้าน เช่น ระบบเตือนภัยด้านสุขภาพจากความร้อนที่มีมาตั้งแต่ปี 2004 หลังเหตุการณ์คลื่นความร้อนในยุโรปปี 2003 และมีคู่มือ “Beat the Heat” สำหรับประชาชนทั่วไป แนะนำให้อยู่ในร่มช่วงแดดแรง ดื่มน้ำมาก ๆ ทาครีมกันแดด และกินไอศกรีมเพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย
ในระยะยาว รัฐบาลยังได้จัดทำกรอบวิจัยและนวัตกรรมด้านการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อหาแนวทางลดผลกระทบ เช่น การออกแบบอาคารให้เย็นโดยไม่ใช้พลังงานสูง การใช้ AI ช่วยติดตามสุขภาพประชาชน และการศึกษาข้อกำหนดอุณหภูมิในที่ทำงานและโรงเรียนให้ปลอดภัย ฝรั่งเศสเองก็เริ่มวางแผนปรับเมืองให้ทนร้อนมากขึ้น เช่น เสนอให้ทำหลังคาสีขาว และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิในอนาคตร้อนเกิน 50°C
เมื่อคลื่นความร้อนที่เคยเป็น “เหตุการณ์ผิดปกติ” กำลังกลายเป็นสิ่งที่เกิดซ้ำ ๆ การวางแผนและรับมือจึงไม่ใช่แค่เรื่องของอนาคต แต่คือภารกิจเร่งด่วนของวันนี้ เพื่อปกป้องชีวิต ความเป็นอยู่ และโครงสร้างพื้นฐานของทุกคนในโลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
