ยังจำได้ไหม ? จอร์จ ฟลอยด์ ปลุกกระแส 'ชีวิตคนดำก็มีค่า' คดีเขย่าสังคมมะกัน
ไต่สวนคดีจอร์จฟลอยด์ - เอพี รายงานว่า การไต่สวนคดีการตายของจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวดำ วัย 46 ปี ที่สั่นสะเทือนสังคมชาวอเมริกันและปลุกกระแส "ชีวิตคนดำก็มีค่า" หรือ Black Lives Matter ไปทั่วโลก
การ ไต่สวนคดีจอร์จ ฟลอยด์ ในสัปดาห์แรกที่เมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนีโซตา ทำให้เกิดปฏิกิริยาในหมู่ชาวอเมริกันที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากเนื้อหามีรายละเอียดที่สะเทือนใจ โดยเฉพาะกับคนผิวดำ บางคนติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่บางคนชมการถ่ายทอดสดคดีนี้ต่อไปไม่ไหว
สำหรับหลายๆ คน การไต่สวนคดีทำให้ย้อนนึกถึงภาพวิดีโอเหตุการณ์นาทีที่จอร์จ ฟลอยด์ ถูกนายตำรวจ ดีเรก ชอวิน วัย 45 ปี จากสำนักงานตำรวจมินนีอาโพลิส ใช้หัวเข่ากดคอจนหายใจไม่ออก และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ วันที่ 25 พ.ค. 2563 หน้าร้านขายของชำ คัพ ฟูดส์ เมืองมินนีแอโพลิส
"ฉันต้องปิดเสียงทีวีไว้ เพราะการได้ยินคุณฟลอยด์พูดว่า "ผมหายใจไม่ออก" และ "แม่ช่วยผมด้วย" มันเกินไป ทนดูต่อไปไม่ได้จริง ๆ" ลิซา แฮร์ริส ชาวเมืองเรดฟอร์ด ฝั่งตะวันตกของเมืองดีทรอยต์ กล่าว
ส่วน สตีเวน ธอมป์สัน ชาวเมืองลอสแองเจลิส กล่าวว่า คดีนี้ชวนให้นึกถึงช่วงที่เคยติดตามคดีนายตำรวจ จอร์จ ซิมเมอร์แมน ยิงหนุ่มวัยรุ่นผิวดำ ชื่อ เทรย์วอน มาร์ติน อายุ 17 ปี เสียชีวิตที่รัฐฟลอริดา เมื่อปี 2556
คดีนั้นนายซิมเมอร์แมน ผู้มีเชื้อสายฮิสแปนิก รอดพ้นทุกข้อกล่าวหา รวมถึงฆ่าคนโดยไม่เจตนา ดังนั้นตนจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับคดีจอร์จ ฟลอยด์ และไม่ได้ดูการไต่สวนนายตำรวจชอวิน เพราะไม่อยากผิดหวังซ้ำอีก
ด้าน มาร์ลีน กิลลิงส์-เกย์ล ครูวัยเกษียณที่นครนิวยอร์ก กล่าวว่า ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่ดูการไต่สวนคดีนี้เลย เพื่อจะได้จิตใจปลอดโปร่ง แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้ติดตามการไต่สวนแทบจะทั้งหมด โดยติดตามอย่างเข้าใจและไตร่ตรอง คิดว่าคดีนี้เผยให้เห็นความเป็นอเมริกาและคุณค่าของมัน
พยานที่ขึ้นให้การในสัปดาห์แรกของการไต่สวน เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ที่จอร์จ ฟลอยด์ ถูกจับกุมจนเสียชีวิต แต่ละคนเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นอย่างสะเทือนอารมณ์ เช่น สาววัยรุ่นที่ถ่ายคลิปฟลอยด์ในห้วงสุดท้ายของชีวิต กล่าวว่า ตนเองไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ระหว่างภาวนาจิตขอโทษฟลอยด์
ส่วนชายวัย 61 ปี พยานอีกคนร่ำไห้ไม่หยุดขณะให้การ จนผู้พิพากษาต้องสั่งพักการไต่ส่วน 10 นาที และมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยหญิงอีกคน ให้การต่อศาลว่า ตอนนั้นตนเองพยายามขอร้องตำรวจ เพื่อตรวจสัญญาณชีพของฟลอยด์ ขณะที่ ฟลอยด์ คว้าอากาศและพูดว่า ช่วยด้วย
ชอวิน อายุ 45 ปี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนาแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนและฆ่าผู้อื่นโดยประมาท เนื่องจากทำให้นายฟลอยด์ถึงแก่ชีวิตจากการกดเข่าลงบนคอฟลอยด์นาน 9 นาที 29 วินาที ในลักษณะที่ฟลอยด์นอนคว่ำหน้าลงและถูกใส่กุญแจมือ หลังได้รับแจ้งว่าฟลอยด์ใช้เงินปลอม 20 ดอลลาร์ (600 บาท) ซื้อของในร้านขายของชำ
ช่วงสะเทือนใจอีกช่วง เป็นช่วง คอร์ตนีย์ รอสส์ วัย 45 ปี แฟนสาวของฟลอยด์ ให้การกับคณะลูกขุนเมื่อวันที่ 1 เม.ย. เล่าถึงเรื่องราวที่รู้จักฟลอยด์ตั้งแต่เริ่มต้นที่ศูนย์บรรเทาทุกข์ เมื่อปี 2560 ฟลอยด์ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“วันแรกที่พบฟลอยด์ ฉันไปที่สถานที่พักพิงเพราะพ่อของลูกอาศัยอยู่ที่นั่น ฉันโมโหมากที่คนเป็นพ่อไม่มาพบที่ล็อบบีเพื่อพูดคุยกันเรื่องวันเกิดของลูก ตอนนั้นฟลอยด์เดินมาหาฉัน สอบถามด้วยความเห็นอกเห็นใจ ว่าฉันเป็นอะไรหรือเปล่า การที่มีคนจิตใจงดงามเดินเข้ามาถามไถ่ในเวลาที่ฉันเคว้งคว้างอยู่ตามลำพังเป็นความอบอุ่นมากค่ะ" รอสส์กล่าว
“เรื่องของเราเป็นเรื่องคลาสสิคเรื่องหนึ่งของคนมากมายที่ติดยาระงับปวดโอปิออยด์ ก่อนนั้นเราทั้งสองต่างมีอาการเจ็บปวดเรื้อรัง ของฉันเป็นที่คอ ส่วนของเขา คือที่หลัง เราพยายามจะเลิกอาการเสพติดนี้หลายครั้งมาก”
ฟรอสส์ให้การเรื่องการใช้ยา ซึ่งเป็นปมที่ทนายจำเลยนำมากล่าวอ้างว่า ฟลอยด์อาจเสียชีวิตจากฤทธิ์ยา ไม่ใช่การถูกกดคอจนหายใจไม่ออก หลังผลชันสูตรศพพบยาแก้ปวดเฟนทานิล และสารเมทแอมเฟตามีนตกค้างในร่างกายของฟลอยด์
หญิงคนรักของฟลอยด์ กล่าวว่า ทั้งตนและฟลอยด์เคยซื้อยาแก้ปวด ทั้งจากใบสั่งยาของแพทย์ และไปซื้อยาเถื่อนมากินเอง กระทั่งเดือน มี.ค. 2563 ตนต้องขับรถพาฟลอยด์ส่งห้องฉุกเฉิน เพราะปวดท้องอย่างรุนแรงจากการกินยาเกินขนาด ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไปหลายเดือน ตนและฟลอยด์ใช้เวลาอยู่ด้วยกันระหว่างกักตัวช่วงโควิด-19 ระบาด ยืนยันได้ว่าฟลอยด์ปลอดจากการเสพติดแล้ว