มะกันเลื่อนเปิดใช้ 5G ใกล้สนามบิน หวั่นกวนระบบวัดความสูง

เอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมาว่า บริษัทเอทีแอนด์ที (AT&T) และ เวอริซอน (Verizon) ผู้ให้บริการเครือข่ายการสื่อสารในสหรัฐอเมริกา ประกาศเลื่อนการเปิดใช้งานโครงข่าย 5G ในพื้นที่ใกล้สนามบินบางแห่งลงแล้ว หลังจาก บรรดาสายการบินในสหรัฐและผู้ให้บริการขนสินค้าทางอากาศหลายราย ออกมาแสดงความกังวลว่า ระบบ 5G อาจส่งผลกระทบกับอุปกรณ์วัดความสูงของเครื่องบิน และอาจส่งผลให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก สร้างความโกลาหลให้กับการเดินทางทางอากาศในประเทศ

ทั้งนี้บริษัทผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม ใช้งบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสัมปทาน 5G จากรัฐเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในขณะที่กำหนดการเปิดใช้บริการใกล้เข้ามา กลุ่มอุตสาหกรรมการบินก็ได้แสดงความห่วงกังวลว่าอาจเกิดความเป็นไปได้ว่า คลื่นความถี่ 5G อาจรบกวนการทำงานกับอุปกรณ์วัดความสูงบนเครื่องบิน (Radio Altimeter) ซึ่งสามารถทำงานด้วยความถี่เดียวกันโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สภาพอากาศย่ำแย่

ด้าน บริษัทเอทีแอนด์ที ระบุว่าการเปิดใช้งาน 5G ที่ล่าช้าออกไปนั้นเป็นไปโดยสมัครใจของบริษัท และเวลานี้อยู่ระหว่างการหารือกับอุตสาหกรรมการบิน และองค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (เอฟเอเอ) เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับการติดตั้ง 5G เพื่อดำเนินการติดตั้งระบบ 5G ในหอส่งสัญญาณที่เหลือ

ด้านเวอริซอน ระบุว่า บริษัทจะเริ่มให้บริการระบบ 5G ในวันที่ 19 มกราคมสำหรับชาวอเมริกัน 90 ล้านคน แต่บริษัทตัดสินใจจำกัดการเปิดสัญญาณ 5G  รอบๆสนามบินเอาไว้โดยสมัครใจ พร้อมทั้งยืนยันว่า เอฟเอเอ และ สายการบินในประเทศ ไม่สามารถที่จะตกลงให้มีการใช้ 5G รอบๆสนามบินได้ แม้ว่ามันจะปลอดภัยและมีการใช้งานเต็มระบบมาแล้วใน 40 ประเทศก็ตาม

ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าการชะลอการเปิดบริการ 5G ในบริเวณสนามบินจะต่อเนื่องยาวนานไปแค่ไหน อย่างไรก็ตามนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกแถลงการณ์เห็นด้วยการกับชะลอผนดังกล่าวออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการเดินทางรวมไปถึงการขนส่งสินค้ารวมไปถึงส่งผลกระทบกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ