รีเซต

มทส. เปิดตัว “X-Zense 101” เครื่องตรวจมะเร็งแบบพกพา พัฒนาโดยนักวิจัยไทย ตรวจไวใน 1 ชั่วโมง

มทส. เปิดตัว “X-Zense 101” เครื่องตรวจมะเร็งแบบพกพา พัฒนาโดยนักวิจัยไทย ตรวจไวใน 1 ชั่วโมง
TNN ช่อง16
12 กันยายน 2568 ( 00:57 )
7

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) โดยทีมสตาร์ทอัพ “สุรเซนส์” จากห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์และวิศวกรรมศาสตร์ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ “X-Zense 101” เครื่องตรวจคัดกรองมะเร็งแบบพกพา ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ทั้งใช้งานง่าย ให้ผลวิเคราะห์ที่แม่นยำ รวดเร็วภายในไม่เกินหนึ่งชั่วโมง มีราคาที่เข้าถึงได้ ทั้งในด้านบริการและตัวอุปกรณ์ ที่สำคัญผลงานนี้พัฒนาโดยนักวิจัยคนไทยอย่างแท้จริง เพื่อต่อยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ ช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ในการวินิจฉัยมะเร็งได้อย่างทันท่วงที และยังเป็นรากฐานสำคัญในการขยายผลสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป


เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ณ U-Space เทคโนธานี มหาวิททยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)  รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา  อธิการบดี มทส.  เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัวผลงานวิจัยและนวัตกรรม เปิดตัว “X-Zense 101  ต้นแบบเครื่องตรวจมะเร็งแบบพกพา” ผลงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการสู่นวัตกรรมเชิงพาณิชย์ จากความร่วมมือระหว่างคณาจารย์และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย ในนาม บริษัท สุรเซนส์  จำกัด (SURAZENSE) นำโดย อาจารย์เทคนิคการแพทย์ ดร.สนอง สุขแสวง อาจารย์ประจำสาขาวิชาพยาธิวิทยา สำนักวิชาแพทยศาสตร์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.สุดเขตต์ พจน์ประไพ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมเซรามิก สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์  ร่วมกับ ดร.ฐิตา ซ่อนกลิ่น นายอดิศักดิ์ รัตนน้ำล้อม และ นายวีระศักด์ สีกะสอน ศิษย์เก่า มทส. สร้างทีมสตาร์ทอัพ ที่มุ่งส่งต่อนวัตกรรมจากงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อพัฒนาเครื่องมือแพทย์สำหรับผู้ป่วยโรคเฉพาะทาง โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ช่วยให้สามารถตรวจและประเมินระยะของโรคได้อย่างรวดเร็ว และนำไปใช้งานได้จริงตอบโจทย์ปัญหาของผู้ป่วยและเสริมศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ในการรักษาอย่างทันท่วงที

ดร.อนันต์ ทองระอา  อธิการบดี มทส.

รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา  อธิการบดี มทส.  กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน  ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ สร้างสรรค์นวัตกรรม ไปสู่เกิดการปรับแปลงและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมแก่ชุมชุนและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมขับเคลื่อนผลงานวิจัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Science and Technology) ปิดช่องว่างระหว่างงานวิจัยจากเทคโนโลยีเชิงลึกในมหาวิทยาลัย กับการต่อยอดไปสู่การเป็นธุรกิจนวัตกรรมที่สามารถนำผลิตภัณฑ์ไปใช้ได้จริง ด้วยการส่งเสริมระบบนิเวศทางวิชาการที่สนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการนวัตกรรม  (Innovative Entrepreneur) ในการนำงานวิจัยมาสร้างนวัตกรรม และจากนวัตกรรมเป็นธุรกิจ  โดยการใช้โครงสร้างพื้นฐานของมหาวิทยาลัย เช่น ห้องปฏิบัติการ โรงงาน Pilot Plant สนับสนุนให้มีนักวิจัยเต็มเวลา สถานที่สำหรับการทดสอบผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ Sandbox รวมถึงบ่มเพาะธุรกิจและสนับสนุนบริการต่าง ๆ ที่จำเป็นให้แก่ Startup และ Spin-off เพื่อสร้างคุณค่าต่อเศรษฐกิจ สังคม และแก้ปัญหาที่ท้าทายของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม” อธิการบดี มทส. กล่าวในที่สุด


ด้านอาจารย์เทคนิคการแพทย์ ดร.สนอง สุขแสวง อาจารย์ประจำสาขาวิชาพยาธิวิทยา สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มทส. หัวหน้าคณะนักวิจัย เปิดเผยว่า “จากการที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ให้การส่งเสริมสนับสนุนพัฒนางานวิจัยสู่นวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ  โดยทีมวิจัยได้   มุ่งไปที่ปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะโรคมะเร็งซึ่งหนึ่งในโรคที่คร่าชีวิตประชาชนทุกชนชั้นเป็นระดับต้นๆ  พบมากขึ้นทุกปี  จึงเกิดแรงบันดาลใจที่อยากพัฒนาเครื่องมือแพทย์สำหรับเทคนิคการแพทย์ แพทย์ และหรือประชาชนทั่วไป ในการวินิจฉัยตรวจหาโรคมะเร็งใช้ในยามเร่งด่วนได้อย่างไร  เพราะเมื่อวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้นก็จะส่งผลดีต่อการวางแผนการรักษาหรือการป้องกัน  และที่สำคัญอยากเห็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่พัฒนาโดยคนไทยเอ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและสร้างความมั่นคงทางสุขภาพในประเทศ ทีมนักวิจัยจากหลายสำนักวิชาได้บูรณาการองค์ความรู้จากศาสตร์ด้านเทคนิคการแพทย์และวิศวกรรมศาสตร์ในการพัฒนาเทคโนโลยีตรวจวินิจฉัยนี้ 

ดร.สนอง สุขแสวง อาจารย์ประจำสาขาวิชาพยาธิวิทยา สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มทส. หัวหน้าคณะนักวิจัย

โดยได้รับทุนสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน อาทิ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กระทรวง อว., สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) ทีมวิจัยได้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องทั้งในห้องปฏิบัติการวิศวกรรมศาสตร์และชีววิทยา จนสามารถพัฒนาเป็นเครื่องต้นแบบ “X-zense 101 เครื่องตรวจมะเร็งแบบพกพา”  ที่ใช้งานง่าย ราคาย่อมเยากว่าการนำเข้า และที่สำคัญ พัฒนาโดยนักวิจัยไทยทั้งหมด


ผลิตภัณฑ์ “X-zense101”  ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ โดยมีคุณสมบัติสำคัญ เช่น ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกพาไปใช้งานได้ทั้งในพื้นที่ห่างไกลและ ณ จุดบริการผู้ป่วย (Point-of-Care) รวมถึงการตรวจข้างเตียงคนไข้เพื่อคัดกรองหรือยืนยันผลเพิ่มเติม ขั้นตอนการใช้งานไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับบุคลากรที่ทำหน้าที่ตรวจวิเคราะห์ (Uncomplicated protocol)  เครื่องต้นแบบนี้สามารถแสดงผลได้รวดเร็วภายในไม่เกินหนึ่งชั่วโมง มีความไว (Sensitivity) และมีความจำเพาะ (Specificity) สูง (70 %)  โดยยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบเพิ่มเติมในส่วนของความแม่นยำ (Accuracy) และยังอยู่ระหว่างการทดสอบกับกลุ่มผู้ป่วยจำนวนมากเพื่อยืนยันผล 


และเพื่อให้สามารถระบุค่าที่แน่ชัดได้ ซึ่งจะนำไปสู่การได้ค่าความแม่นยำที่เชื่อถือได้มากขึ้น และมีค่าตรวจต่อครั้งน้อยกว่า 2,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าค่าใช้จ่ายมาตรฐานที่ปัจจุบัน สปสช. กำหนดไว้ที่ 8,000 - 10,000 บาทต่อครั้ง  การแปลผลทำได้ง่ายและชัดเจน เช่น พบ (Detected) หรือ ไม่พบ (Undetected) และมีแผนพัฒนาเพื่อรายงานผลเชิงปริมาณในอนาคต


ในระยะแรก เครื่องต้นแบบได้ถูกนำไปทดลองใช้กับตัวอย่างพลาสมาผู้ป่วยมะเร็งปอด และอยู่ระหว่างกระบวนการรับรองมาตรฐาน IEC 60601-1 IEC 62304: Medical device software standard และสำหรับการดำเนินการรับรอง ISO 13485 ควบคู่กับการทดลองทางคลินิกที่ดำเนินการต่อเนื่อง X-zense101 จึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่มีศักยภาพในการตรวจระยะโรคได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการวินิจฉัยและรักษา ตลอดจนสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในอนาคต” 


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง