ส่องผลสำรวจคะแนนนิยม 6 รัฐ ชี้ชะตาผู้นำสหรัฐฯ
วันนี้ (17 ก.ค.63) ทีมข่าว TNN ช่อง 16 เปิดเผยผลสำรวจจาก CNBC-Change Research การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2020 วันที่ 3 พ.ย.นี้ คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 45% จากการสอบถามความคิดเห็นจากผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปจำนวน 1,258 คนทั่วสหรัฐ และอีก 4,322 คน ใน 6 รัฐที่เป็นรัฐชี้ชะตาผู้สมัคร ที่เรียกว่า 'สวิงสเตท' swing state หรือ “รัฐสนามรบ” battleground state
ได้แก่ รัฐ แอริโซนา ฟลอริดา มิชิแกน นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน โดย 6 รัฐ คะแนนไบเดน เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 47-51% ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ คะแนนนิยมน้อยว่า เฉลี่ยอยู่ 42-46%
ผลสำรวจระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 45% พึงพอใจในผลงานของประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่อีก 55% ไม่พอใจกับผลงาน
ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสำรวจ 59% มองว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เลวร้ายลง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาจากเมื่อสองสัปดาห์ก่อน 4% ซึ่งรัฐเหล่านี้มีจำนวน “คณะผู้เลือกตั้ง” หรือ “อิเล็กทอรัล คอลเลจ” รวมแล้วถึง 101 เสียง อาจสามารถชี้ขาดในชัยชนะได้
โดยผู้ตอบแบบสำรวจของ CNBC จำนวน 54% ในรัฐสวิงสเตท เชื่อว่าอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน และพรรคเดโมแดรต จะรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีกว่า เทียบกับประธานาธิบดีทรัมป์ และพรรครีพับลิกันที่ได้คะแนนไป 46%
ขณะที่ โพลอีกหลายสำนัก (National Polls) ได้สำรวจความเห็นล่าสุดในเดือนกรกฎาคม อย่าง NBC , WSJ หรือ Wall Street Journal ไบเดน มีคะแนน 51% ส่วนทรัมป์ มีคะแนน 40%
ด้าน Quinnipiac University national มหาลัยวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ในรัฐคอนเนตทิคัต เผยผลสำรวจพบว่า ไบเดน มีคะแนน 52% ส่วน ทรัมป์ 37% ขณะที่เดือนที่แล้ว ไบเดน ได้ 49 ทรัมป์ 41 ซึ่งทำให้ตอนนี้ไบเดน มีคะแนนนิยมนำทรัมป์ 15 จุด
ในผลของ CNN โพล ที่สำรวจคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์โดยเฉพาะ ก็ยังพบว่า คะแนนนิยมของลดลงตามลำดับ จนมีผู้ชื่นชอบเหลือเพียงร้อยละ 38 ส่วนผู้ที่ไม่ชื่นชอบมีมากถึงร้อยละ 58 โดยคะแนนนิยมที่ออกมาเช่นนี้ ทาง CNN เผยว่า เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ และอดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู.บุช
ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้สั่งเปลี่ยนตัวผู้จัดการการหาเสียง นายแบรด พาร์สเกล ซึ่งทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน และให้นายบิล สตีเพ่น ซึ่งเป็นรองผู้จัดการ รับตำแหน่งแทน ส่วนนายพาร์สเกล จะย้ายไปรับหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ดิจิตอลและข้อมูลแทน
ส่วนสาเหตุที่ทรัมป์เปลี่ยนตัวผู้จัดการหาเสียงนั้น เป็นเพราะก่อนหน้านี้นายพาร์สเกล ตกเป็นเป้าโจมตีหลังจากที่จัดการหาเสียงครั้งใหญ่ในเมืองทัลซ่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาที่มีผู้เข้าร่วมงานน้อยกว่าที่คาดไว้มาก และอีกสาเหตุหนึ่งเพราะทรัมป์ไม่พอใจผลสำรวจคะแนนความนิยมที่ต่ำลง และต้องการคนที่มารับผิดชอบในเรื่องนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า คะแนนเสียงถล่มทลายเมื่อ 4 ปีก่อนที่สนับสนุนทรัมป์ มาจากการชูประโยคที่ว่า "Make America Great Again" หรือ "ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง" ซึ่งสร้างความฮึกเหิม และได้ใจของผู้มีสิทธิลงคะแนนจำนวนมาก เนื่องจากไม่พอใจต่อนโยบายของพรรคเดโมแครตที่ปล่อยให้แรงงานต่างชาติเข้ามาแย่งงานในสหรัฐ จนทำให้ชาวอเมริกันตกงานจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าขณะนี้ ทรัมป์และทีมงานหาเสียงคงกำลังระดมสมองเพื่อคิดสโลแกนใหม่ๆ ที่จะใช้ในศึกเลือกตั้งปีนี้ และหวังที่จะปลุกเร้าให้ชาวอเมริกันพากันลงคะแนนเลือกเขาอีกครั้งหนึ่ง
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE